สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน นำโดยคณะผู้บริหาร เจ้าหน้าที่พร้อมคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมชมโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แบบครบวงจรรายแรกและรายเดียวในประเทศไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน บริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตระบบกักเก็บพลังงานแบบครบวงจรและมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดใน South East Asia ดำเนินตามนโยบายการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล พร้อมทั้งพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญ
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยว่า สนพ.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบเสนอนโยบายและแผนการบริหารงานด้านพลังงานของประเทศ และในฐานะเลขานุการร่วมของคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) ซึ่งหลังจากการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 29 รัฐบาลได้ประกาศจุดยืนผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น และวันนี้ได้มีโอกาสเยี่ยมชมดูงานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถบัสไฟฟ้าฝีมือคนไทย และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) ตามนโยบาย “30@30” เพื่อพัฒนาส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม
ในการเยี่ยมชมงานในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ศรัญญู สอนกำเนิด รักษาการผู้จัดการทั่วไป บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ให้การต้อนรับคณะเยี่ยมชม ณ บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด และเยี่ยมชมสายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี ทั้งนี้บริษัทประเมินว่ากำลังการผลิตยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน จึงเตรียมขยายโรงงานแห่งที่ 2 ให้รองรับการผลิตได้ประมาณ 50,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมแผนสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศมากขึ้นเพื่อลดการนำเข้า โดยตั้งเป้าว่าจะนำเข้า 20% และใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 80% ขานรับนโยบายจากภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญ ในส่วนของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด นายชาญยุทธ ฉายาวัฒนะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พาเยี่ยมชมโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเป็นแบตเตอรี่ที่มีเทคโนโลยีแบบ Ultra Fast Charge รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รองรับความต้องการใช้งานแบตเตอรี่ในประเทศไทยที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดผลสำเร็จ นำไปสู่การเป็นศูนย์กลางฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของภูมิภาค
นายวัฒนพงษ์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “การเข้าเยี่ยมชมของ 2 บริษัทในครั้งนี้เพื่อรับฟังความเห็นผู้ประกอบการต่อนโยบายส่งเสริมการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้เป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนตามแนวทางของบอร์ด EV ซึ่งในปัจจุบันพบว่าเทคโนโลยีนวัตกรรมของยานยนต์ไฟฟ้ามีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นสูงส่งผลให้ประชาชนเริ่มหันมาสนใจยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น หากบรรลุเป้าหมายนโยบาย 30@30 จะช่วยลดการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน (PM 2.5) และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เพื่อก้าวไปสู่ Green Economy หรือเศรษฐกิจพลังงานสะอาดตามเป้าหมาย Zero Emissionของประเทศด้วย”