ผลพวงจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงลดลงต่อเนื่องส่งผลให้ล่าสุดกองทุนน้ำมันฯ สามารถพลิกกลับมาเก็บเงินดีเซลเข้าเสริมสภาพกองทุนฯ เป็น 1.10 บาทต่อลิตร “สกนช.” ย้ำดีเซลยังตรึง 30 บาท/ลิตรไม่อาจลดราคาขายปลีกลงได้จากภาระหนี้กองทุนฯ สูงถึง 1.32 แสนล้านบาท หากลงต่อเนื่องมีลุ้นแต่ต้องให้ฝ่ายนโยบายกำหนด จับตาค่าการตลาดกลุ่มเบนซินมีลุ้นขายปลีกลงต่อหากตลาดโลกไม่ขยับขึ้น
แหล่งข่าวจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) แจ้งว่า วันนี้ (23 พ.ย.) กองทุนน้ำมันฯ สามารถเรียกเก็บเงินจากน้ำมันดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 1.10 บาทจากระดับราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกที่ปรับลดลงต่อเนื่องทำให้กองทุนฯ มีรายรับจากน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดีเซลสัปดาห์นี้จะยังคงตรึงราคาไว้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรเนื่องจากฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ ณ วันที่ 20 พ.ย.ยังคงติดลบสูงถึง 131,405 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 89,698 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม (LPG) ติดลบ 43,707 ล้านบาท
“แม้ว่าราคาดีเซลตลาดโลกในระยะนี้จะอ่อนตัวลงจนทำให้กองทุนน้ำมันฯ เริ่มเก็บเงินสะสมเข้ากองทุนฯ ได้ต่อเนื่อง โดยเริ่มเป็นบวกอีกครั้งเมื่อวันที่ 22 พ.ย. โดยเก็บเข้ากองทุนฯ 0.41 บาทต่อลิตร และล่าสุด 23 พ.ย.ได้เก็บเพิ่มอีก 0.69 บาทต่อลิตรส่งผลให้เก็บเข้าได้รวม 1.10 บาทต่อลิตรจากราคาดีเซลตลาดโลกที่อ่อนตัวลงมา แต่รัฐเองไม่สามารถลดราคาขายปลีกดีเซลได้ในระยะนี้เพราะภาระกองทุนฯ ยังสูงมากจากการเข้าไปอุดหนุนราคาไว้ตั้งแต่ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรและต่อมาเป็นไม่เกิน 35 บาทต่อลิตรต่อเนื่อง ที่ทำให้เกิดภาระหนี้ที่ต้องใช้จึงต้องสะสมเงินเพื่อชำระหนี้ก่อนในเบื้องต้น” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากแนวโน้มดีเซลตลาดโลกในระยะต่อไปลดลงต่อเนื่องจะมีการปรับราคาขายปลีกดีเซลเพื่อลดภาระประชาชนส่วนหนึ่งนั้นกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งจำเป็นจะต้องเสนอกรอบราคาที่เหมาะสมกับภาระกองทุนฯ ให้กับระดับนโยบายเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ทั้งนี้จำเป็นต้องติดตามราคาตลาดโลกใกล้ชิดเนื่องจากยังคงมีทิศทางผันผวนสูง
รายงานข่าวจากผู้ค้าน้ำมันระบุว่า ขณะนี้ค่าการตลาดเฉลี่ยของกลุ่มเบนซินอยู่ราว 3 บาทต่อลิตร หากราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์วันนี้ (23 พ.ย.) ไม่มีการปรับขึ้นโอกาสที่ผู้ค้าจะปรับลดราคาขายปลีกลงอีกครั้งมีความเป็นไปได้สูง อย่างไรก็ตาม ล่าสุดราคาขายปลีกของผู้ค้าน้ำมันไทยโดยเฉพาะกลุ่ม ปตท. และบางจากก็ยังคงมีราคาต่ำกว่าค่ายต่างชาติอย่างเชลล์ คาลเท็กซ์ และเอสโซ่ ถึงลิตรละ 30 สตางค์
อย่างไรก็ตามบมจ.ไทยออยล์ได้รายงานสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกปิดตลาด
22 พ.ย.65 น้ำมันดิบดูไบปรับขึ้น 1.09 เหรียญฯต่อบาร์เรลมาปิดที่ 82.19 เหรียญฯต่อบาร์เรล
ขณะที่ราคาดีเซลตลาดสิงคโปร์ปิดขึ้น 0.94 เหรียญฯต่อบาร์เรลปิดที่ 121.75
เหรียญฯต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นหลังกลุ่มโอเปกปฏิเสธข่าวลือการปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมครั้งถัดไปเดือนธ.ค.
65 นี้ ขณะเดียวกันทางกลุ่มยังคงแผนเดิมในการปรับลดกำลังการผลิตจากการประชุมที่ผ่านมา
โดยทางกลุ่มอาจมีการหารือเกี่ยวกับกำลังการผลิตของกลุ่มเพื่อรักษาสมดุลของตลาดต่อไปขณะที่ปัจจัยลบกดดันราคายังมาจากการที่จีนยังคงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19เพิ่มขึ้น