GPSC แจงกำไรไตรมาส 3/65 แตะ 330.89 ล้านบาท ลดลง 82% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้มาร์จิ้นการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (GPSC) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2565 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 330.89 ล้านบาท ลดลง 82% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,874.75 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในส่วนของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) เพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับแผนการเรียกรับไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการผลิตโดยใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติทำให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น
ส่วนงวด 9 เดือนปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,327.86 ล้านบาท ลดลง 78% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,150,34 ล้านบาท สาเหตุหลักจากกําไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า SPP ลดลง 7,235 ล้านบาท มาจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ทําให้มาร์จิ้นจากการขายไฟฟ้าให้ลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง
กําไรขั้นต้นของโรงไฟฟ้า IPP เพิ่มขึ้น 1,082 ล้านบาทจากรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment: EP) สอดคล้องกับแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ. และการผลิตโดยใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติ ทําให้ margin จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้าไซยะบุรีเพิ่มขึ้น 294 ล้านบาท เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน