ผู้จัดการรายวัน 360- ช่อง3 แย้มแผนปี66 เตรียมจัดทัพวาไรตี้ใหม่ โฟกัสรายการข่าว เล็งปรับราคาโฆษณาขึ้นในภาพรวม เหตุอานิสงส์ “วัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม” เอื้อประโยชน์แก่ช่อง 3 ล่าสุดในเดือนก.ย. มีเรตติ้งเป็นอันดับ1 บนช่องทางสตรีมมิ่ง มั่นใจรักษารายได้ให้เติบโตได้ปีละ 2 หลักต่อเนื่อง
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการสายธุรกิจโทรทัศน์ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหาร ช่อง3 เอชดี เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลัง2565 โดยเฉพาะช่วงเดือน ส.ค-ก.ย. ที่ผ่านมา ไม่ค่อยดีนัก ผลพวงจากสถานการณ์โควิด และภัยธรรมชาติ ฝนตก น้ำท่วม ส่งผลทั้งในแง่ของงบสื่อโฆษณาของลูกค้าที่ระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น และต้นทุนการบริหารจ้ดการของทางสถานีเอง โดยเฉพาะการถ่ายละคร ต้องยกกอง ทำให้ถ่ายไม่ทันกัน ทำให้ช่วงนี้มีการนำละครรีรันมาออกอากาศไปก่อนหลายเรื่อง
อย่างไรก็ตามยังเหลือเวลาอีก 3 เดือน ซึ่งมั่นใจว่ารายชื่อละครใหม่ที่จะออกอากาศอีก 3-4 เรื่อง อย่างเช่น ลายกินรี จะเป็นคอนเท้นต์สำคัญที่ช่วยดึงรายได้คืนกลับมา เชื่อว่ามีโอกาสที่ครึ่งปีหลังนี้จะทำรายได้ได้ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ทำไว้ 2,589 ล้านบาท หรือตลอดปี2565 นี้รายได้รวมจะยังคงมีอัตราการเติบโต 2 หลักต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้
ส่วนแผนในปี2566 นั้น มีแผนปรับคอนเท้นต์ใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มวาไรตี้ จะมีรายการใหม่เข้ามาแทนที่รายการเดิมที่เรตติ้งต่ำ ส่วนรายการข่าวยังไม่มีแผนเพิ่มรายการใหม่ แต่อาจจะมีการปรับปรุงหรือเพิ่มเวลาให้ เพราะรายการข่าวถือเป็นคอนเท้นต์หลักที่ทำรายได้หลักให้ช่อง3 เวลานี้ หลายๆรายการข่าวมีเรตติ้งที่ดี จากปัจจุบันผังรายการช่อง3 ประกอบด้วย ละคร 55% ข่าว 30% และอื่นๆ 15%
นายสุรินทร์ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ตามที่ทางสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย) ร่วมมือกับ บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย ได้เปิดตัวระบบการวัดเรตติ้งข้ามแพลตฟอร์ม (Cross-Platform Ratings) และได้เริ่มทยอยส่งข้อมูลบางส่วนตั้งแต่เดือนส.ค. ที่ผ่านมา และจะนำเสนอแบบสมบูรณ์ได้ในเดือนก.พ.ปีหน้านั้น หลายเสียงต่างมองว่า ช่อง3 จะได้ประโยชน์มากสุด เพราะฐานผู้ชมหลักของช่อง3 คือกลุ่มคนเมือง, หัวเมืองใหญ่ และกลุ่มอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป ซึ่งกลุ่มนี้เข้าถึงและรับชมคอนเท้นต์ผ่านกัดเจ็ดและแพลตฟอร์มต่างๆมากที่สุด ทั้งในรูปแบบดูสด และรีรัน มีทั้งดูจากภายในบ้าน และนอกบ้าน ซึ่งพฤติกรรมการเข้าถึงคอนเท้นต์เหล่านี้ จะช่วยให้เห็นถึงเรตติ้งที่แท้จริง ส่งผลต่อการรายได้โฆษณาที่จะขายต่อไป รวมถึงสามารถปรับราคาโฆษณาขึ้นได้อีกด้วย เมื่อรายการนั้นขายโฆษณาได้เต็มจนเกินเวลา โดยเฉพาะกลุ่มรายการข่าว ที่ปีหน้ามีแนวโน้มปรับราคาขึ้นมากที่สุด.