xs
xsm
sm
md
lg

“กอบศักดิ์” เตือนภาคธุรกิจตุนสภาพคล่องรับมือมหาพายุ 2-3 ปีเพื่อเปลี่ยนผ่าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“กอบศักดิ์” เตือนภาคธุรกิจต้องอาศัยช่วงเวลา 2 ปีปรับตัวในการเปลี่ยนผ่านวิกฤตซ้อนวิกฤตที่เป็นมหาพายุที่จะเกิดขึ้น 2-3 ปีเพื่อให้อยู่รอด จับตา 7 บริบทต่างประเทศรับมือ ศก.ปี 2566 ล่วงหน้า “ส.อ.ท.” เสริมแกร่งภาคอุตฯ ขับเคลื่อนศก.สู่โมเดล BCG

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO)
กล่าวบรรยายเรื่อง วิกฤตเศรษฐกิจและพลังงานโลก ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symphosium 2022 จัดโดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ว่า ขณะนี้โลกเจอวิกฤตซ้อนวิกฤต แต่ที่ผ่านมาจะมีเวลาให้เตรียมตัวแต่ครั้งนี้เจอต่อเนื่องจากโควิด-19 จนถึงสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่คาดว่าจะไม่จบได้ภายในสิ้นปีนี้ ดังนั้นมหาพายุ (Perfect Storm) จะใช้เวลาช่วง 2-3 ปี ดังนั้นทุกภาคส่วนโดยเฉพาะธุรกิจต้องเตรียมสภาพให้พร้อมรับมือในช่วงเปลี่ยนผ่าน 2-3 ปีนี้

“จากวิกฤตพลังงาน สู่วิกฤตอาหาร เพราะกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ ดังนั้นช่วงแรกคนจะหนีตายจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนช่วงที่ 2 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยอีกระยะเพื่อสู้เงินเฟ้อจนถึงกลางปี 2566 ต่อมาช่วงที่ 3 คือการถดถอยเศรษฐกิจ (Recession) ปี 2567 และช่วงที่ 4 เฟดกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2568 ระหว่างนี้ธุรกิจจึงต้องฝ่าพายุหรือการล่องแก่งไปให้ได้ ต้องเตรียมสภาพคล่องไว้รับมือในช่วง 2 ปีนี้” นายกอบศักดิ์กล่าว

สำหรับ 7 บริบทจากต่างประเทศของเศรษฐกิจปี 66 สำคัญที่ต้องติดตามและรับมือ ได้แก่ ความขัดแย้งระหว่างประเทศเดินหน้าต่อเนื่องจากสหรัฐฯ รัสเซีย จีน, การขึ้นดอกเบี้ยเฟดและธนาคารกลางต่างๆ, การลดลงของเงินเฟ้อโลก, การแข็งค่าของเงินดอลลาร์, การเริ่มต้นของเศรษฐกิจถดถอย, การอ่อนตัวของเศรษฐกิจจีนที่ชัดขึ้น และการก่อตัวของวิกฤตตลาดเกิดใหม่ ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจไทยอ่อนแรง ดังนั้นสิ่งที่จะกระทบต่อผู้ประกอบการในช่วงต่อไปคือ โอกาสการส่งออกที่จะลดลง โดยพบว่าช่วง 2 เดือนล่าสุดการส่งออกไทย การลงทุน การบริโภคเริ่มชะลอตัว ต้นทุนสินค้าที่จะผันผวนไปอีกระยะหนึ่ง ค่าเงินบาทจะได้รับแรงกดดันต่ออีกระยะ เป็นต้น


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงการปรับตัว และความอยู่รอดของภาคอุตสาหกรรมไทย ต่อวิกฤตพลังงานและวิกฤตเศรษฐกิจของโลก ว่า ส.อ.ท.ได้วางแผนการขับเคลื่อนทั้ง First Industries อุตสาหกรรมเดิมที่ประกอบด้วย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ New S-Curve อุตสาหกรรมใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม มีแนวโน้มสูงมากที่จะเติบโตในอนาคต เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมเพื่อประเทศไทยที่แข็งแกร่งกว่าเดิมนั้น ส.อ.ท.ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ ONE F.T.I. มีเป้าหมายร่วมกันที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วย One Vision, One Goal and One Team ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model ที่ถือเป็นวาระแห่งชาติ เข้ามาขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและภาคธุรกิจ พัฒนาเศรษฐกิจ 3 มิติ (Bio-Circular-Green Economy) ไปพร้อมกัน ได้แก่

1. เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) โดย ส.อ.ท.ได้จัดทำ Smart Agriculture Industry หรือ SAI in the City มุ่งพัฒนาเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ เป็นสำคัญ

2. เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) : ลดการใช้ทรัพยากรให้น้อยลง และไม่ให้เกิดของเสีย หรือลดขยะให้เป็นศูนย์ (Zero-Waste)

3. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) : การทำโครงการอุตสาหกรรมเมืองน่าอยู่ (Eco Factory) เพื่อให้ชุมชนกับอุตสาหกรรมอยู่ร่วมกันได้ ส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมใช้พลังงานสะอาด พัฒนาระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage) และส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) ตลอดจนส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด มุ่งเน้นการผลิตที่ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
กำลังโหลดความคิดเห็น