ผู้จัดการรายวัน 360 - “แม็คกรุ๊ป” เดินหน้าตามแผนหลัก Mc Outlet เพิ่มอีก 15 สาขา เสาะหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ พร้อมกำเงินสดกว่า 2 พันล้านบาทในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง เผยผลประกอบการปีบัญชี 2565 ฝ่าทุกปัจจัยเสี่ยง โชว์กำไรสุทธิ 486 ล้านบาท ปี 2565
นายปิยะ โอฬารริกสุภัค ประธานเจ้าหน้าที่ด้านบัญชีและการเงิน บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ทิศทางการทำธุรกิจปีบัญชี 2565 / 2566 MC GROUP ตั้งเป้ากำไรเติบโตเลข 2 หลักและพร้อมเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์หลัก เช่น การเปิดสาขา Mc Outlet เพิ่มอีก 15 สาขาจากปีบัญชี 2565 ที่เปิดได้ทั้งหมด 72 สาขา หรือสิ้นปีบัญชี 2566 จะมี Mc Outlet ทั้งสิ้น 87 สาขา รวมถึงการหาโอกาสขยายลงทุนใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตจากกระแสเงินสดของบริษัทที่มี 1,995 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังเดินหน้าแคมเปญ MY MC MY WAY ชีวิตเต็มแม็ค ภายใต้แนวคิด “Body Positivity” เข้าใจในความแตกต่างของรูปร่าง พร้อมสร้างสรรค์ลุคที่ดีที่สุดในแบบฉบับของตัวเอง ด้วยผลิตภัณฑ์จากแม็คยีนส์ เพื่อมุ่งมัดใจลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่มีการจัดกิจกรรมการตลาดภายใต้แคมเปญนี้ ได้รับการตอบรับที่ดี ตอกย้ำแบรนด์ยีนส์อันดับ 1 ในใจของคนไทยมาอย่างยาวนาน และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายปิยะกล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานปีบัญชี 2565 (1 กรกฎาคม 2564-30 มิถุนายน 2565) กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 486 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.61 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 446 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.56 บาท และมีอัตรากำไรสุทธิที่สูงขึ้นเป็น 16.5% สูงกว่าปีก่อนอยู่ที่ 13.7% แม้ว่าอัตราภาษีที่แท้จริงจะเพิ่มขึ้นเป็น 18% จากปีบัญชีก่อนหน้าที่ 14.9%
ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาความสามารถการทำกำไรได้ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ในระดับ 64.7% เพิ่มขึ้น 5.1% จากปีก่อนอยู่ที่ 59.61% เป็นผลจากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด สัดส่วนของสินค้า และการบริหารช่องทางจัดจำหน่าย ควบคุมค่าใช้จ่ายรอบด้าน ทั้งยังมีการป้องกันความเสี่ยงจากการขึ้นราคาวัตถุดิบ ส่งผลให้กำไรขั้นต้นพุ่งสูงขึ้น แม้รายได้จากการขายสินค้ารวมลดลง
นายปิยะกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น สำหรับผลดำเนินงานงวดปีบัญชี 2565 หุ้นละ 0.60 บาท จากทั้งปีบริษัทมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.61 บาท คิดเป็นอัตราการจ่าย 98.36% ของกำไรสุทธิเกินนโยบายของบริษัทที่จะจ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิที่เหลือหลังหักเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมาย โดยได้จ่ายไปแล้วสำหรับผลดำเนินงานครึ่งแรกของปีบัญชี 2565 หุ้นละ 0.32 บาท คงเหลือจ่ายสำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งหลังอีกหุ้นละ 0.28 บาท โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 4 พ.ย. 2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พ.ย. 2565 และจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 พ.ย. 2565