บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียมเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ปี พ.ศ. 2573 ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเรื่องการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy transition) บริษัทฯ จะขยายกิจการเน้นด้านการผลิตก๊าซธรรมชาติ ขณะที่สำรวจโอกาสการลงทุนในภาคพลังงานใหม่ เช่น ไฮโดรเจนสีฟ้า และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์
นายมูซาเบะห์ อัล คาบิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมูบาดาลาในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บริษัท มูบาดาลา อินเวสต์เมนต์ คอมปะนี และประธานกรรมการบริหาร บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ กล่าวว่า บริษัท มูบาดาลา ปิโตรเลียมซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่อาบูดาบีและเป็นบริษัทพลังงานระดับสากลได้เปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็นบริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ครั้งสำคัญซึ่งจะมุ่งมั่นเป็นส่วนสำคัญของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนของตลาดไปสู่ภาคพลังงานคาร์บอนต่ำ เช่น ไฮโดรเจนสีฟ้า (Blue hydrogen) และการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon capture)
“บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ได้พัฒนาเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการหลักในธุรกิจพลังงานระดับสากล โดยการเปลี่ยนชื่อและแบรนด์ของเราในครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญทางธุรกิจ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่จะมีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ด้วยพอร์ตโฟลิโอที่เน้นสัดส่วนการผลิตก๊าซธรรมชาติ และเพิ่มความสำคัญไปที่ภาคพลังงานใหม่” นายมูซาเบะห์ อัล คาบิ กล่าว
ชีค มอนซัวร์ มูฮัมหมัด อัล ฮาเหม็ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มูบาดาลา เอนเนอร์ยี่ กล่าวว่า “เรามีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งกับความสำเร็จตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา และวันนี้นับเป็นวันสำคัญที่เราจะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานผ่านการเปลี่ยนชื่อและแบรนด์ของเรา โดยเรากำลังสร้างสถิติและเติบโตผ่านการขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และด้วยขีดความสามารถและความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของเรากับหุ้นส่วนธุรกิจทั่วโลก เราพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบทบาทครั้งใหม่ของเรา”
ด้วยการสร้างความเปลี่ยนแปลงในปีที่สิบของการดำเนินงาน บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องครอบคลุม 11 ประเทศทั่วโลก โดยมีพนักงานมากกว่า 500 คน โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ประกาศความสำเร็จในการบรรลุการผลิต 500,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การก่อตั้งบริษัท และยังนับเป็นการเพิ่มขึ้นของปริมาณการผลิตถึงร้อยละ 22 จากปริมาณการผลิตเมื่อปี 2564
ทั้งนี้ เมื่อปี 2560 บริษัทฯ ได้เปลี่ยนกลยุทธ์มาให้ความสำคัญต่อก๊าซธรรมชาติซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญไปสู่การปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และอนาคตคาร์บอนต่ำ โดยกลยุทธ์นี้จะให้ความสำคัญต่อโครงการสำคัญต่างๆ เช่น เพิ่มสัดส่วนการถือครองร้อยละ 10 ของแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติโซห์รในประเทศอียิปต์ ภายใต้สัมปทานก๊าซธรรมชาติโซรุค และเพิ่มสัดส่วนการถือครองร้อยละ 22 ของแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติทามาร์ เป็นต้น และจะยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อทุกชุมชนที่ดำเนินการอยู่ ในฐานะพันธมิตรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมในระยะยาว