ศักดิ์สยาม คาดปรับค่าแท็กซี่ราคาใหม่ใช้ต้นปี 66 สั่งขบ.เปิดฟังความเห็นเพิ่ม เน้นสร้างการรับรู้ ผ่านทุกช่องทาง เผยราคาใหม่ต้องสะท้อนต้นทุนเพิ่ม และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ด้านแท็กซี่ต้องปรับปรุงบริการด้วย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
เปิดเผยว่า จากกรณีที่ผู้ประกอบการรถแท็กซี่ ได้ยื่นต่อกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อขอปรับอัตราค่าโดยสารให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นั้น ทางขบ.ได้มีการศึกษาและเปิดเวทีสาธารณะฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง เช่น มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญ และ ภาคเอ็นจีโอ ซึ่งเบื้องต้น ทุกฝ่ายมีความเห็นว่า ปัจจุบัน ดัชนีผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นถึง 7% จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งไม่มีการปรับขึ้นค่าแท็กซี่
ทั้งนี้ ตนได้ให้ขบ.ไปพิจารณา ตัวเลขที่เหมาะสม และกรอบการปรับแล้ว รวมถึง การปรับราคาขึ้นและลงตาม CPI เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และสอดคล้องกับต้นทุน ส่วนจะเป็นการปรับขึ้นเท่าไร อย่างไร เป็นรายละเอียดที่ต้องรอให้มีการพิจารณาก่อน
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า หลังจากนี้ ขบ.ต้องเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความเห็นเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้รับรู้ รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วน ทั่วถึง และมีความเห็นที่ตรงกันว่า ควรปรับราคาแท็กซี่ และพิจารณาอัตราที่เหมาะสมเพื่อดูแลทั้งผู้ประกอบการและประชาชน จากนั้นจึงจะเดินหน้าต่อ แต่หากยังไม่ตกผลึกตนจะยังไม่อนุญาต
“เวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นนั้น คาดว่าทางขบ.จะจัดในเดือนก.ย. และต.ค.นี้ ประมาณ 3 ครั้ง ในทุกช่องทาง ทั้งออนไลน์ โซเชียลด้วย เพื่อสร้างการรับรู้ให้ได้ทั่วถึง คาดว่า ในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งผมไม่อยากให้เดินหน้าไปแล้ว แต่ยังมีความเห็นเข้ามาอีก อยากให้พิจารณาข้อมูลให้ครบถ้วนและเป็นที่ยอมรับทุกฝ่ายก่อน แท็กซี่เองก็ต้องชี้แจงด้วยว่าจะปรับปรุงอะไรบ้างด้วย ซึ่งกระทรวงคมนาคม กรมขนส่งฯ อยู่ในฐานะ เป็นกรรมการ ไม่ได้เป็นคู่ขัดแยังกับใคร”
สำหรับการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมา มีข้อแนะนำ เช่น มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค เห็นว่า แท็กซึ่ต้องมีการปรับปรุงบริการด้วย ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการแท็กซี่ มีการปรับปรุงบริการ ซึ่งปัจจุบัน แท็กซี่มีหลายมาตรฐาน ให้ผู้บริโภคเลือกใช้บริการที่มีคุณภาพ รถสะอาด คนขับสุภาพ แต่งตัวสะอาด ขับขี่ปลอดภัยและปฎิบัติตามกฎจราจร คิดว่าผู้โดยสาร ยินดีที่จะจ่ายเพิ่ม
นอกจากนี้ ได้ให้ขบ.ศึกษาแนวทางการช่วยเหลือผู้ประกอบการแท็กซี่ ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อเพื่อโอกาสในการให้แท็กซี่ลดต้นทุนในการดำเนินการ และไม่เป็นภาระกับภาครัฐ เช่น การช่วยเหลือ กรณีปรับเปลี่ยนไปใช้รถแท็กซี่พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล นั้น มีระบบขนส่งมวลชนอีกหลายทางเลือก ทั้งรถไฟฟ้า เรือ รถโดยสารสาธารณะ ซึ่งอยู่ระหว่างการเพิ่มรถโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า( EV) มาให้บริการ ภายในปีนี้จำนวน 1,250 คัน และภายใน3 ปี รถโดยสารถสาธารณะที่ใช้พลังงานไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะหมดไป
โดยเครือข่ายสมาคมแท็กซี่สาธารณะไทย 4 สมาคม ได้ยื่นข้อเสนอขอปรับ อัตราค่าโดยสาร รถเล็กเครื่องยนต์ 1600-1800 ซีซี ปรับค่าเริ่มต้น กิโลเมตรแรกจาก 35 บาทในปัจจุบัน เป็น 45 บาท, รถใหญ่เครื่องยนต์ 2000 ซีซี ขึ้นไปปรับค่าเริ่มต้น กิโลเมตรแรกจาก 35 บาทในปัจจุบัน เป็น 50 บาท
และปรับอัตรา กิโลเมตรที่ 2-10 จากปัจจุบัน กิโลเมตรละ 5.5 บาท เพิ่มเป็นกิโลเมตรละ 10 บาท , กรณีรถไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ต่ำกว่า 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คิด 5 บาทต่อนาที จากปัจุจบัน 1.50 บาทต่อนาที ซึ่งเป็นเกณฑ์ค่าโดยสารที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2557
กรณีการจ้างผ่านท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้เรียกเก็บค่าจ้าง (Service Charge) รถแท็กซี่ขนาดเล็กจากเดิม 50 บาท ปรับเพิ่มเป็น 75 บาท และรถแท็กซี่ขนาดใหญ่ จากเดิม 50 บาท เพิ่มเป็น 95 บาท