xs
xsm
sm
md
lg

เปิดเส้นทางใหม่! ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ รุกตลาดออสเตรเลีย บินตรงสู่ “ซิดนีย์” และ "เมลเบิร์น" เริ่ม 1 ธ.ค.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ บุกตลาดออสเตรเลีย เปิด 2 เส้นทางรวด บินตรงสู่ “ซิดนีย์” และ “เมลเบิร์น” ประเดิม 3 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ราคาเริ่มต้น 5,990 บาทต่อเที่ยว เริ่มบิน 1 ธ.ค. 65 นี้ ชูจุดแข็ง นักท่องเที่ยว นักเรียน เป้าผู้โดยสาร 85-90% คาด Q4 เพิ่มความถี่เส้นทางญี่ปุ่น/เกาหลี เล็งเปิดอินเดียเพิ่มปีหน้า

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เปิดเผยว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ (เที่ยวบิน XJ) มีการขยายเครือข่ายบินต่อเนื่อง โดยจะเปิดเส้นทางบินใหม่ บินตรงสู่ 2 เมืองใหญ่ ประเทศออสเตรเลีย กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - ซิดนีย์ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ บินทุกวันจันทร์ อังคาร ศุกร์ เสาร์ เริ่มบิน 2 ธันวาคม 2565 กรุงเทพฯ (สุวรรณภูมิ) - เมลเบิร์น 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ทุกวันพุธ พฤหัสบดี อาทิตย์ เริ่มบิน 1 ธันวาคม 2565 ให้บริการด้วยเครื่องบินใหญ่ แอร์บัส เอ 330 จำนวน 377 ที่นั่ง พร้อมที่นั่งปรับเอนนอนเทียบเท่าชั้นธุรกิจ
 
ซึ่งมั่นใจทั้ง 2 เส้นทางได้รับการตอบรับที่ดี จากคนไทยที่บินตรงสู่ออสเตรเลียได้ง่ายในราคาที่คุ้มค่าขึ้น ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวและนักเรียนนักศึกษา และสร้างโอกาสดึงนักท่องเที่ยวออสเตรเลียเข้าไทยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยจัดโปรโมชันทริปมันๆ ฟิน ฟัน ที่ออสเตรเลีย บินคุ้มราคาสมาชิกแอร์เอเชีย เริ่มต้นที่ 5,990 บาท ทั้ง 2 เส้นทาง สำรองที่นั่งได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้ 29 สิงหาคม-4 กันยายน 2565 เพื่อเดินทางตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2565-25 มีนาคม 2566 จองเลยที่ airasia Super App!


นายธรรศพลฐ์กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศออสเตรเลียมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกว่า 70 ปี โดยประเทศออสเตรเลียติด 3 อันดับแรกที่มีนักเรียนนักศึกษาไทยไปศึกษาต่อมากที่สุด และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมท่องเที่ยวของคนไทย โดยเฉพาะซิดนีย์และเมลเบิร์น ถือเป็นเมืองใหญ่ 2 อันดับแรกทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการศึกษา จึงเป็นโอกาสดีของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ในการขยายการเติบโตสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เสริมจากตลาดเกาหลีใต้และญี่ปุ่นที่เราแข็งแกร่งและมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว

โดยหลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เที่ยวบินในออสเตรเลียลดลงไปมาก สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จึงเห็นโอกาสและได้รับตารางบิน (slot) ในเวลาที่ดีและเวลาตรงกันทั้งสองเมืองที่สามารถบริหารจัดการเครื่องบินได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) 85-90% ทั้ง 2 เส้นทาง

นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่าประเทศออสเตรเลียประชากร 25.7 ล้านคน โดยเดินทางท่องเที่ยวถึง 21 ล้านคน/ปี เป็นประเทศที่ชอบเดินทางท่องเที่ยว และมีจุดหมายปลายทางที่ประเทศไทยถึงปีละ 800,000 คน โดยนิยมไปทะเลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวออสเตรเลียมีจำนวนประมาณ 100,000 คน/ปี ขณะที่มีเที่ยวบินบินตรงเข้าไทยน้อย โดยปัจจุบันมีสายการบินไทยและสายการบินแควนตัสที่บินตรงกรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ส่วนกรุงเทพฯ-เมลเบิร์น มีสายการบินไทย กับสายการบินเจ็ทสตาร์

ซึ่งสายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จะมุ่งการตลาดและปั้นเส้นทาง 2 เมืองหลัก คือ ซิดนีย์ และเมลเบิร์น เพื่อพยายามเปิดบินแบบทุกวัน หรือเป็นไปได้จะเพิ่มเป็นวันละ 2 เที่ยวบิน คือ เช้า และเย็นได้ เราอยากโฟกัสเมืองที่บิน แทนที่จะเปิดบินเมืองใหม่ เชื่อมกับสุวรรณภูมิและต่อด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชียไปยังภูเก็ต, กระบี่

“พวกเราไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ตื่นเต้นที่สามารถขยายเส้นทางบินสู่ออสเตรเลียถึง 2 เส้นทางได้สำเร็จภายในปีนี้ เรามีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการทั้งฝูงบินและพนักงาน พร้อมจุดแข็งของไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ในการบินตรงสู่ออสเตรเลียในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มนักเรียนที่ไปศึกษาต่อ และนักท่องเที่ยวที่ประหยัดการเดินทางพร้อมมีเงินเหลือใช้สำหรับการท่องเที่ยวมากขึ้น” นายธรรศพลฐ์กล่าว


นายธรรศพลฐ์กล่าวถึงตลาดเกาหลีใต้และญี่ปุ่นว่า ปัจจุบันไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ มีเที่ยวบินไปเกาหลี (โซล) 1 เที่ยวบิน/วัน และญี่ปุ่น (โตเกียว) 4 เที่ยวบิน/สัปดาห์ ซึ่งลดลงจากก่อนโควิดทำการบินกรุงเทพฯ-โซล 3 เที่ยวบิน/วัน กรุงเทพฯ-โตเกียว 3 เที่ยวบิน/วัน กรุงเทพฯ-โอซากา 2 เที่ยวบิน/วัน และกรุงเทพฯ-ซับโปโร 1 เที่ยวบิน/วัน

โดยเส้นทางกรุงเทพฯ-โซล มีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) 90% ส่วนกรุงเทพฯ-โตเกียว ทางญี่ปุ่นยังจำกัดจำนวนที่นั่งขาเข้าไว้ 75% ส่วนขาออกได้ 90% คาดว่าในไตรมาส 4/65 ตลาดญี่ปุ่นจะกลับมาทำการบินเท่าเดิมหรือใกล้เคียงเดิม ส่วนเกาหลีคาดว่าจะเพิ่มเที่ยวบินเป็นอย่างน้อย 2 เที่ยวบิน/วัน

“เบื้องต้นในปีนี้เรามองว่าขอเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางญี่ปุ่น เกาหลีกลับไปเท่าเดิมก่อนที่จะเกิดโควิดก่อน และบริการเส้นทางใหม่อย่างซิดนีย์ และเมลเบิร์น ให้เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้ทำการบินโดยใช้เครื่องบิน 3 ลำ คาดว่าปลายปีจะสามารถใช้เครื่องบินครบ 6 ลำ ในเส้นทางออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลี ขณะที่ก่อนโควิดมีจำนวนเครื่องบิน 15 ลำ สำหรับจำนวนผู้โดยสารในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 คน จากช่วงก่อนโควิดมี 2 ล้านคน ส่วนการจะเพิ่มจำนวนเครื่องบินอีกเท่าใดในปีหน้าก็ต้องมาพิจารณาเส้นทางบินกันอีกครั้ง รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ

นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเส้นทางบินเพิ่มเติม เช่น เมืองนิวเดลีของอินเดีย คาดว่าจะสามารถเปิดขายตั๋วโดยสารได้ช่วงกลางเดือน ก.ย. และเริ่มทำการบินในเดือน ต.ค. 2565 ส่วนรัสเซีย ในอดีตเคยมองไว้ 2 เมืองที่กรุงมอสโก และเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่ปัจจุบันคงต้องรอดูสถานการณ์ก่อนเนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยังยืดเยื้อ ซึ่งมีผลต่อการประกันภัยและการท่องเที่ยวอาจไม่ได้รับความสนใจมากนัก สำหรับในยุโรปกำลังพิจารณากันอยู่ โดยเฉพาะปัจจัยด้านราคาพลังงานและเศรษฐกิจของยุโรป

สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจและราคาน้ำมันนั้น ขณะนี้น้ำมันมีแนวโน้มลดลง โดยต้นทุนน้ำมันอยู่ที่ประมาณ 34-35% จากก่อนหน้าพุ่งไปถึงกว่า 40% ตามทิศทางราคาน้ำมัน และแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ค่าใช้จ่ายของสายการบินเพิ่มขึ้น แต่นักท่องเที่ยวชอบเงินบาทอ่อนก็จะกระตุ้นให้เข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแข่งขันของสายการบินในขณะนี้ มองว่าแต่ละสายการบินจะไม่แข่งขันกันที่ราคา หรือเอาราคาถูกมาสาดใส่กัน เพราะผลประกอบการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาทั้งจากสถานการณ์โควิด ทุกสายการบินขาดทุน ขณะที่ไม่มีมาตรการรัฐช่วยเหลือใดๆ ดังนั้น เชื่อว่าการแข่งขันจากนี้จะแข่งกันแบบฉลาดมากขึ้น ใช้เทคนิคภาพลักษณ์ทางการตลาด

นายธรรศพลฐ์กล่าวถึงความคืบหน้าการขอเข้าฟื้นฟูกิจการศาลล้มละลายกลางว่า หลังจากวันที่ 22 ส.ค. 2565 ศาลรับเรื่องการเสนอขอฟื้นฟูกิจการแล้ว ศาลนัดครั้งต่อไปวันที่ 14 ก.ย.นี้ มีการหารือเจ้าหนี้ที่จะได้ข้อยุติของจำนวนหนี้ และคาดว่า ศาลจะมีคำสั่งให้ทำแผนฟื้นฟูภายในปีนี้ ซึ่งจะส่งแผนฟื้นฟูให้ศาลฯ เห็นชอบในปีหน้าต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น