ผู้จัดการรายวัน 360 - โควิดคลี่คลาย “เวิร์คพอยท์” เปิดเกมรุกนอนทีวีเต็มกำลัง พร้อมกำเม็ดเงินในมือกว่า 800 ล้านบาทปักธงธุรกิจคอมเมิร์ซดีล ประเดิมร่วมทุนเซ็ปเป้ ผุดบริษัท WOPE รุกอาหารและเครื่องดื่ม เชื่อรายได้นอนทีวีกลับมาที่ 10% ไม่ยาก พร้อมดันรายได้ปีนี้แตะ 2,200-2,500 ล้านบาท มาจากกลุ่มทีวี 85% และอื่นๆ รวมกัน 15%
นายสุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้บริษัทปี 2565 นี้เชื่อว่าจะทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา หรือน่าจะทำได้ประมาณ 2,200-2,500 ล้านบาท มาจากกลุ่มทีวี 85% และอื่นๆ 15% โดยเชื่อว่าในครึ่งปีหลังภาพรวมโฆษณาจะฟื้นกลับมาปกติ สำหรับรายการของเวิร์คพอยท์ ปัจจุบัน ร้องข้ามกำแพง มีเรตติ้งดีที่สุด และขายโฆษณาได้เต็มเวลา หรืออยู่ในเรตที่ 200,000 บาทต่อนาที ส่วนปีหน้าจะมีรายการใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลาย ครึ่งปีหลังนี้บริษัทจึงพร้อมรุกธุรกิจนอนทีวีเต็มกำลัง โดยเฉพาะใน 4 ส่วนหลัก คือ 1. ลิขสิทธิ์ต่างประเทศ กับการขายลิขสิทธิ์ฟอร์แมตคอนเทนต์ไปต่างประเทศ เชื่อว่าจะมีรายได้เข้ามาราว 250 ล้านบาท, 2. อีเวนต์ ครึ่งปีหลังนี้จะมีการจัดอีเวนต์คอนเสิร์ต 2 งาน เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ 1 งาน และเล็ก 1 งาน ส่วนในปีหน้าพร้อมลุยเต็มกำลัง โดยเฉพาะการจัดคอนเสิร์ตศิลปินเกาหลีประมาณ 2-3 คอนเสิร์ต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงเจรจา คาดว่ารายได้อีเวนต์จะกลับมาทำได้ที่ 200 ล้านบาท
3. ออนไลน์ จากช่วงครึ่งปีแรกติดปัญหากับทางเฟซบุ๊ก ซึ่งได้เจรจากันจบเรียบร้อยแล้ว ครึ่งปีหลังน่าจะกลับมาดำเนินการได้ปกติ หรือคาดว่ารายได้ออนไลน์จะทำได้ประมาณ 200 ล้านบาทตามที่เคยทำไว้ และ 4. คอมเมิร์ซ ขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรอยู่ 2-3 ราย ซึ่งบริษัทเตรียมเม็ดเงินไว้ในส่วนนี้กว่า 800 ล้านบาท อาจจะใช้หมดหรือไม่หมดก็ได้
โดยวางโมเดลของธุรกิจคอมเมิร์ซลงทุนไว้ 2 แบบ คือ ร่วมทุนกันและเข้าไปถือหุ้นในบริษัทนั้น และต้องถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 25% โดยหนึ่งในกลุ่มสินค้าและบริการที่สนใจและกำลังดีลกันอยู่ คือ กลุ่มสินค้าโฮลเซล คาดว่าจะสรุปได้ภายในครึ่งปีหลังนี้
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคอมเมิร์ซ เดิมเคยทำรายได้ประมาณ 10% จากการทำสินค้าบิวตี้ภายใต้แบรนด์ Let me in และได้ยกเลิกไป แต่ในปีที่ผ่านมาบริษัทได้กลับมารุกธุรกิจคอมเมิร์ซอีกครั้ง ด้วยการจับมือกับทางเซ็ปเป้ พัฒนา ลูกอมครูเพ็ญศรี ขึ้นมา และวางจำหน่ายในช่องทางเซเว่นอีเลฟเว่นและร้านค้าทั่วไป ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก จึงนำมาสู่การร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัท โวป จำกัด (WOPE) ขึ้นมาในปีนี้
จุดประสงค์เพื่อพัฒนา ผลิต ทำการตลาด และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม โดยเวิร์คพอยท์ถือหุ้น 40% และเซ็ปเป้ ถือหุ้น 60% จึงเชื่อว่าธุรกิจคอมเมิร์ซจะกลับมามีสัดส่วนรายได้ที่ 10% ได้ไม่ยาก
ด้านนายธนศักดิ์ หุ่นอารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมทุนกับเซ็ปเป้ในครั้งนี้เป็นการดึงศักยภาพของทั้งสองฝ่ายมาใช้ ซึ่งทางเวิร์คพอยท์มีช่องทางสื่อสารครอบคลุมในทุก Platform ทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ สามารถเข้าถึงคนทุกเพศทุกวัยครอบคลุมทั่วประเทศ ในขณะที่เซปเป้มีความเชี่ยวชาญในการผลิตสินค้าคุณภาพที่เป็นนวัตกรรมและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ด้วยศักยภาพของทั้งสองบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญที่ต่างกัน เชื่อว่าการจับมือในครั้งนี้จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นตาตื่นใจให้ผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม
การรุกธุรกิจคอมเมิร์ซของเวิร์คพอยท์ คือการมองหาพันธมิตรที่เป็นโอกาส และต่อยอดให้เวิร์คพอยท์ได้เติบโตอย่างรวดเร็วและแม่นยำเช่นการร่วมทุนกับทางเซ็ปเป้ จากนี้จะมีการนำเสนอรสชาติใหม่ๆ ของลูกอมครูเพ็ญศรีออกมาอีกเรื่อยๆ รวมถึงเปิดตัวสินค้าใหม่ อย่าง กาแฟสำเร็จรูปอีก 1 รายการ ซึ่งต้องเป็นสินค้าที่แปลก แตกต่าง และยังไม่มีในตลาด โดยมีความเป็น Eatertainment หรือทำการตลาดที่มีเรื่องของความบันเทิงและอีโมชันนัลมาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญสินค้านั้นๆ จะพัฒนาและต่อยอดมาจากคอนเทนต์ของทางช่องเวิร์คพอยท์ ตั้งเป้าว่าในปี 2566 WOPE จะทำรายได้ที่ 200 ล้านบาท
นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท เซ็ปเป้ โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SAPPE เข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK โดยร่วมลงทุนในบริษัทร่วมทุนชื่อ บริษัท โวป จำกัด (WOPE Co.,Ltd.) เพื่อพัฒนา ผลิต ทำการตลาด และจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มผ่านนวัตกรรมและการสื่อสารที่โดนใจผู้บริโภค โดย Sappe Holding เข้าถือหุ้นใน WOPE เป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในกิจการ ขณะที่ THB ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 คิดเป็นมูลค่าการลงทุนรวม 50 ล้านบาท
“เราพยายามเอา Asset ของเวิร์คพอยท์มาต่อยอด เช่น อะไรที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว อย่างครูเพ็ญศรี มาใช้สื่อสารตัวสินค้า หรือสินค้าอาจจะมีการใส่ Creativity ที่มาจากทางเวิร์คพอยท์เข้าไปด้วย รวมถึงการใช้นักแสดงในสังกัดเวิร์คพอยท์มาสร้างความสนุก สร้างสีสันให้กับสินค้า เพิ่มความบันเทิงให้กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เป็นการสื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Eatertainment’ ให้ลูกค้าได้เสพความบันเทิงของเวิร์คพอยท์ ผ่านสินค้านวัตกรรมคุณภาพที่สร้างสรรค์โดยเซ็ปเป้”