กรมขนส่งฯ แจงอย่ากังวล พ.ร.บ.จราจรฉบับใหม่”แคปกระบะ”ยังนั่งได้ ไม่เกิน3 คน รอตำรวจออกประกาศยกเว้น รวมไปถึงรถสองแถว “ศักดิ์สยาม”สั่งเร่งทำความเข้าใจ เน้นความปลอดภัย ประชาชนต้องไม่เดือดร้อน
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวปรากฏใน social เป็นรูปภาพรถกระบะแคปพร้อมคำว่า "อวสานรถกระบะแคป" ว่า เบื้องต้นตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นกระทู้ในพันทิป เกี่ยวกับการบังคับใช้พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2565 ที่กำหนดให้ ผู้ขับรถและผู้โดยสารทุกที่นั่งจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งกฎหมายจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ก.ย.2565 เป็นต้นไป ซึ่งมีกระแสความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่า คนที่นั่งในกระบะแคปด้านหลังคนขับนั้นจะต้องคาดเข็มขัดนิรภัยด้วย
ทั้งนี้ กรมขนส่งฯ ขอชี้แจงว่า ในกรณีดังกล่าวนั้น เมื่อพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ ในวันที่ 5 ก.ย. 2565 เป็นต้นไปนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) จะต้องออกประกาศเกี่ยวกับการคาดเข็มขัดนิรภัยภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ. มีผลบังคับใช้
โดยที่ผ่านมา กรมขนส่งฯ ร่วมกับ สตช. หารือในรูปแบบคณะทำงานย่อย ในการจัดทำร่างประกาศฉบับดังกล่าว ซึ่งในเนื้อหาสำหรับรถกระบะแคปนั้น กำหนดให้คาดเข็มขัดนิรภัยเฉพาะแถวหน้า ในส่วนของแคปไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัย แต่กำหนดให้จะต้องมีผู้โดยสารไม่เกิน 3 คน
ซึ่งสตช. จะต้องนำร่างประกาศเสนอให้คณะกรรมการใหญ่เห็นชอบ และออกเป็นประกาศ สตช. จึงจะมีผลใช้บังคับต่อไป
นายจิรุฒม์กล่าวว่า ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล เมื่อพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2565 มีผลบังคับใช้ให้คาดเข็มขัดนิรภัยแล้ว ตำรวจออกประกาศ ยกเว้น กระบะแคป (ด้านหลังคนขับ) จะยังคงนั่งได้เหมือนเดิม ซึ่งรถกระบะแคปนั้นจะอยู่กลุ่มเดียวกับรถสองแถว ที่ไม่มีการติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแต่ยังสามารถนั่งได้
“ในทางปฏิบัติ เมื่อพ.ร.บ.จราจรทางบก ประกาศใช้ ทางสตช.จะสอบถามมายังกรมขนส่งฯ เรื่องการบังคับติดตั้งเข็มขัดนิรภัย กับรถประเภทใด ตำแหน่งที่นั่งใด และยกเว้นรถ และตำแหน่งที่นั่งใดบ้าง จะเป็นการยกเว้น เพราะกรณีนี้ หากจะบังคับจะบังคับไปที่โรงงานผลิตรถ”
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้ กฎหมายยังอยู่ในขั้นตอน และได้สั่งการให้กรมการขนส่งทางบก ไปดูเรื่องข้อกฎหมายให้ดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการให้สร้างความรู้ความเข้าใจ และต้องไม่เป็นภาระแก่ประชาชนด้วย ที่สำคัญได้เน้นย้ำว่า ข้อกำหนดที่ออกมาจะต้องมีความปลอดภัยและมีมาตรฐานด้วย