xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มเซ็นทรัล ร่วมกับ ซิกน่า ปิดดีลซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าปิดดีลเข้าซื้อกิจการของกลุ่มเซลฟริดเจส (Selfridges Group) จากตระกูลเวสตันอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว หลังประกาศลงนามในสัญญาเพื่อเข้าซื้อกิจการเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2564 โดยการลงทุนในครั้งนี้จะทำให้กลุ่มเซ็นทรัลก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรีระดับโลก ครอบคลุม 8 ประเทศในทวีปยุโรป และแฟลกชิปสโตร์บนทำเลที่ดีที่สุดของเมืองต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส (Selfridges) บนถนนออกซฟอร์ดใจกลางกรุงลอนดอน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการชอปปิ้งอันดับ 1 ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกจะต้องมาเยือน

กลุ่มเซลฟริดเจส ประกอบไปด้วยห้างสรรพสินค้ารวมทั้งหมด 18 แห่ง ภายใต้ 4 แบรนด์ ใน 3 ประเทศ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า เซลฟริดเจส ในประเทศอังกฤษ, ห้างสรรพสินค้า บราวน์ โธมัส (Brown Thomas) และอาร์นอตส์ (Arnotts) ในประเทศไอร์แลนด์ และห้างสรรพสินค้า ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอันโดดเด่น ซึ่งดึงดูดลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลได้กว่า 30 ล้านคนต่อเดือน และมีการจัดส่งสินค้าไปยังกว่า 130 ประเทศทั่วโลก


ทั้งนี้ กิจการของกลุ่มเซลฟริดเจสจะถูกนำเข้ามารวมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าในยุโรป ที่ปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้าลักชัวรีทั้งหมดถึง 22 แห่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้าที่ดำเนินธุรกิจภายใต้กลุ่มเซ็นทรัล ได้แก่ รีนาเชนเต ในประเทศอิตาลี และอิลลุม ในประเทศเดนมาร์ก และห้างสรรพสินค้าที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ความร่วมมือระหว่างกลุ่มเซ็นทรัลกับซิกน่า ได้แก่ คาเดเว, โอเบอร์โพลลิงเกอร์ และอัลสแตร์เฮาส์ ในประเทศเยอรมนี, โกลบุส ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และยังมีโปรเจกต์ใหม่ที่จะสร้างแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้อีก 2 แห่ง ในเมืองดุสเซลดอร์ฟ ประเทศเยอรมนี และในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย

สเตฟาโน่ เดลลา วาลเล่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าลักชัวรีของเซ็นทรัลและซิกน่าในยุโรป จะขยายบทบาทและรับช่วงต่อการนำทัพกลุ่มเซลฟริดเจสจาก แอนน์ พิชเชอร์ กรรมการผู้จัดการของกลุ่มเซลฟริดเจส ซึ่งจะยังคงดำรงตำแหน่งในทีมบริหารของบริษัทจนถึงปลายปีนี้เพื่อดูแลการถ่ายทอดและส่งต่อธุรกิจอย่างราบรื่นไปยังทีมบริหารใหม่


ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล และ ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มซิกน่า จะดำรงตำแหน่งเป็นประธานร่วมของกลุ่มเซลฟริดเจส

ทศ จิราธิวัฒน์ และ ดีเทอร์ เบอร์นิงเฮาส์ ได้กล่าวร่วมกันว่า “กลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่ามีพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีการวางแผนการลงทุนทางธุรกิจในระยะยาว เรามีวิสัยทัศน์ที่จะพลิกโฉมและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับธุรกิจลักชัวรีรีเทล และตั้งเป้าที่จะสร้างประสบการณ์แบบออมนิแชนเนลระดับโลก ที่พร้อมให้บริการลูกค้าของเราทุกคนผ่านช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เรารู้สึกยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะได้ทำงานร่วมกันกับทีมงานใหม่ และแบรนด์ต่างๆ เพื่อบรรลุเป้าหมายครั้งนี้ไปด้วยกัน”

ความร่วมมือของกลุ่มเซ็นทรัลและซิกน่าซึ่งทั้งคู่ได้จับมือกันเข้าซื้อกิจการกลุ่มเซลฟริดเจส ต่อยอดและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำของกลุ่มห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก

ทั้งนี้ กลุ่มเซ็นทรัลก่อตั้งและบริหารโดยตระกูลจิราธิวัฒน์มากว่า 4 เจเนอเรชัน โดยเป็นผู้นำด้านธุรกิจค้าปลีก โดยนำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format, Multi-channel), ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจร้านอาหาร ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรป กลุ่มเซ็นทรัลได้มีการดำเนินการขยายธุรกิจในภูมิภาคยุโรป ดังนี้

• ปี 2554 เริ่มขยายธุรกิจไปยุโรปจากการเข้าซื้อกิจการห้างรีนาเชนเต ประเทศอิตาลี
• ปี 2556 เข้าซื้อกิจการห้างอิลลุม ประเทศเดนมาร์ก
• ปี 2558 เข้าซื้อกิจการห้างกลุ่มคาเดเว ประเทศเยอรมนี ด้วยการร่วมทุนกับซิกน่า
• ปี 2563 เข้าซื้อกิจการห้างโกลบุส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการร่วมทุนกับซิกน่า


อีกทั้งยังมีการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในยุโรปอีกด้วย การลงทุนทั้งหมดนี้ทำให้ยุโรปเป็นตลาดหลักและตลาดสำคัญของกลุ่มเซ็นทรัล โดยมีผู้บริหารระดับสูงประจำอยู่หลายแห่งในทวีปยุโรป รวมทั้งที่กรุงลอนดอน

ส่วนซิกน่าเป็นบริษัทเอกชนที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรีเทลชั้นนำของยุโรป โดยบริษัทดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 20 ปี และยังเป็นผู้นำด้านรีเทลออมนิแชนเนลในหลายประเทศของยุโรป

ธุรกิจรีเทลของซิกน่าประกอบกิจการค้าปลีกหลายประเภทผ่าน Signa Retail Selection ในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีพนักงานในสังกัดรวมกว่า 36,000 คน ธุรกิจรีเทลมียอดขายรวม 8 พันล้านยูโร (ในปี 2564/65) โดยหนึ่งในสี่ของรายได้มาจากการขายผ่านช่องทางออนไลน์ บริษัทมีฐานลูกค้าสมาชิก (Loyalty Program) กว่า 15 ล้านคน แบรนด์ชั้นนำภายใต้การบริหารของซิกน่า ประกอบด้วย กลุ่มคาเดเว โกลบุส และซิกน่าสปอร์ตยูไนเต็ด

ซิกน่าเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและบริหารสินทรัพย์อันดับต้นๆ ในยุโรปภายใต้ Signa Real Estate โดยบริษัทมุ่งเน้นการลงทุนในประเทศออสเตรีย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี กรุงลอนดอน และนครนิวยอร์ก บริษัทลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน รีเทล และโรงแรม โดยบริษัทมีมูลค่าสินทรัพย์รวมทั้งสิ้นกว่า 3 หมื่นล้านยูโร


ส่วนกลุ่มเซลฟริดเจส เป็นกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าที่ประกอบไปด้วย 4 แบรนด์ดัง ได้แก่ อาร์นอตส์ (Arnotts) และ บราวน์ โธมัส (Brown Thomas) ประเทศไอร์แลนด์, ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ประเทศเนเธอร์แลนด์, เซลฟริดเจส (Selfridges) ประเทศอังกฤษ แต่ละแบรนด์ของกลุ่มเซลฟริดเจสมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และได้มีการผสานความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่ๆ ของกลุ่มเซลฟริดเจส ทำให้ทุกห้างสรรพสินค้าได้มอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจและแปลกใหม่ต่อลูกค้า รวมถึงต่อยอดผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งส่งผลให้ทั้งกลุ่มได้มียอดขายสินค้าออนไลน์จากลูกค้าทั่วโลก

กลุ่มเซลฟริดเจสเป็นที่ยอมรับในฐานะผู้นำด้านความยั่งยืน โดยมีการเปิดตัวแคมเปญ Pacific Ocean, Project Earth (2554, 2563), Resellfridges และ Circular Room ซึ่งถือเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องของความยั่งยืนของกลุ่มธุรกิจรีเทล
สำหรับห้างเซลฟริดเจสได้ถูกก่อตั้งขึ้นโดย แฮร์รี กอร์ดอน เซลฟริดจ์ (Harry Gordon Selfridge) ผู้ซึ่งเปลี่ยนแปลงวงการรีเทลเมื่อเขาเปิดร้านครั้งแรกบนถนนออกซฟอร์ดในปี 2452 ปัจจุบันเซลฟริดเจสได้ขยายสาขาไปที่เมืองแมนเชสเตอร์ และเมืองเบอร์มิ่งแฮม

เซลฟริดเจสเป็นแบรนด์ที่เปลี่ยนแปลงวงการรีเทลด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำมาใช้ในร้านค้าและกับคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ลักชัวรี เช่น การร่วมมือกับดิออร์ (Dior) ในการจัดงานที่ร้านดาดฟ้า Alto, โรงภาพยนตร์เซลฟริดเจส และการช่วยเปิดตัวแบรนด์ใหม่ต่างๆ เช่น Charlotte Tilbury และ Pangaia


เซลฟริดเจสเปิดตัวกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนด้วย Project Ocean ในปี 2554 ที่มี อลานา เวสตัน (Alannah Weston) เป็นผู้ริเริ่มโครงการในการลดมลภาวะของมหาสมุทร ต่อมา Project Earth ได้ถูกเปิดตัวขึ้นในปี 2563 เพื่อรณรงค์ให้เกิดการชอปปิ้งที่ยั่งยืน และยังมีโปรเจกต์อื่นๆ ที่เซลฟริดเจสได้ทำตลอดมาในช่วงเวลากว่า 10 ปี ด้วยความมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้เป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ภายในปี 2583 ตามข้อตกลงสนธิสัญญาปารีส

เซลฟริดเจส ได้ถูกพัฒนาต่อยอดเรื่อยมาบนรากฐานของวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ แฮร์รี กอร์ดอน เซลฟริดจ์ ในการที่จะทำให้แต่ละห้างมีมาตรฐานที่ดีเยี่ยมทางด้านสไตล์ การให้บริการและการเอนเตอร์เทนลูกค้าไปพร้อมๆ กัน เซลฟริดเจสได้รับการยกย่องให้เป็น “Best Retailer” จาก Positive Luxury Awards 2563, “Best 25 Big Company To Work For” 2563 จาก The Sunday Times และได้รับการโหวตให้เป็น “Best Department Store in the World” จาก Global Department Store Summits ในปี 2553, 2555, 2557 และ 2561 ซึ่งเซลฟริดเจสจะมอบความแปลกใหม่ที่จะมาเซอร์ไพรส์ลูกค้าทั้งในลอนดอน แมนเชสเตอร์ เบอร์มิงแฮม

แบรนด์บราวน์ โธมัส และ อาร์นอตส์ (Brown Thomas and Arnotts) ในปี 2392 บราวน์ โธมัส ห้างสรรพสินค้าสัญชาติไอริช ได้ถูกก่อตั้งขึ้นบนถนนกราฟตัน (Grafton) ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของถนนชอปปิ้งในเมืองหลวงของประเทศไอร์แลนด์ บราวน์ โธมัส และอาร์นอตส์เป็นธุรกิจค้าปลีกลักชัวรีชั้นนำของประเทศ ซึ่งมีสินค้าหลากหลายทั้งดีไซเนอร์แบรนด์ เครื่องแต่งกายสำหรับสุภาพบุรุษ สุภาพสตรี เครื่องสำอาง และสินค้าตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ ในปี 2565 ห้างจะมีการเปิดตัวสาขาใหม่ บราวน์ โธมัส ดันดรัม ในเมืองดับลิน (Brown Thomas Dundrum) ซึ่งสร้างการรอคอยให้แก่ลูกค้าเป็นอย่างมาก ขณะที่ ดี แบนคอร์ฟ (de Bijenkorf) ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2413 ดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยเป็นห้างที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างกว้างขวาง และมีการพัฒนาต่อยอดกิจการหลายส่วน จนได้รับการยอมรับในระดับประเทศว่าเป็นผู้นำในด้านธุรกิจลักชัวรีรีเทลออมนิแชนอนลที่นำเสนอสินค้าแบรนด์หรูผ่านห้างสรรพสินค้าทั้งหมด 7 สาขาทั่วประเทศ






กำลังโหลดความคิดเห็น