“บ้านปู” เผยผลดำเนินงานครึ่งหลังปี 65 โตต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณขายถ่านหินและก๊าซฯ พิ่มขึ้นและราคาทรงตัวในระดับสูง เตรียมอัดงบลงทุนที่เหลือในครึ่งปีหลังอีก 370 ล้านเหรียญ เน้นขยายพอร์ตพลังงานสะอาด แย้มเจรจาปิดดีลโรงไฟฟ้าเพิ่ม
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) เปิดเผยแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในครึ่งหลังปี 2565 ว่า บริษัทมีผลดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกนี้ที่มีรายได้จากการขายรวม 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 102,496 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 682 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 23,053 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจถ่านหินและก๊าซธรรมชาติมีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดว่าราคาก๊าซ Henry Hub ที่สหรัฐฯ ช่วงครึ่งปีหลังอยู่ในระดับสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 8 เหรียญสหรัฐ/ล้านบีทียู ขณะที่กำลังผลิตและจำหน่ายก๊าซฯ จะเพิ่มขึ้นจาก 700 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เพิ่มเป็น 900 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน เนื่องจากบริษัทได้ปิดดีลซื้อขยายกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งบาร์เนตต์ สหรัฐอเมริกา ส่วนต้นทุนการผลิตก๊าซฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
นอกจากนี้ ราคาถ่านหินในครึ่งปีหลังเชื่อว่ายังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ปริมาณการผลิตน่าจะเพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศบริเวณเหมืองถ่านหินอินโดนีเซียในช่วง 2-3เดือนนี้ดี แต่ไตรมาส 4/65 อาจต้องเผชิญกับฝน แต่มั่นใจว่าปริมาณการผลิตถ่านหินเพิ่มขึ้น
ธุรกิจไฟฟ้า ก็มีแผนการลงทุนไปสู่ตลาดการซื้อขายไฟฟ้าตลาดเสรีมากขึ้น รวมทั้งมองการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) ระยะยาว โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) หลายโครงการ มีทั้งโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ขนาดใหญ่ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามอีก 2-3 ดีล
สำหรับธุรกิจ New S-Curve บ้านปูได้เริ่มจากการลงทุนในกองทุนด้านเฮลท์แคร์ในสหรัฐอเมริกา ด้วยเงินลงทุน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นโอกาสดีในการลงทุนตรงในบริษัทที่มีศักยภาพที่เป็นเทรนด์โลก นับเป็นการลงทุนในธุรกิจ Non Energy
นอกจากนี้ บริษัทได้จับมือพันธมิตรทั้งดูราเพาเวอร์ และเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ สร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไออนในไทยป้อนให้รถบัสอีวีกลุ่มเชิดชัย ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์ชั่วโมงภายในปี 2569 พร้อมบุกตลาดรถอีวีในเอเชียแปซิฟิกด้วย
นางสมฤดีกล่าวว่า บ้านปูตั้งงบลงทุนปีนี้ 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยครึ่งปีแรกใช้เงินลงทุนไปแล้ว 930 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อใช้ในการซื้อแหล่งก๊าซ XTO บาร์เนตต์ สหรัฐอเมริกา 750 ล้านเหรียญสหรัฐ, การลงทุนในกองทุนเฮลท์แคร์ในสหรัฐฯ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนอีก 30 ล้านเหรียญสหรัฐ คงเหลือวงเงินอีกราว 370 ล้านเหรียญสหรัฐในการลงทุนครึ่งปีหลังนี้
สำหรับงบลงทุนในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทตั้งวงเงินลงทุนอยู่ที่ 3,000-4,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เน้นการลงทุนภายใต้คอนเซ็ปต์ Greener & Smarter โดยเน้นธุรกิจก๊าซฯ โรงไฟฟ้าก๊าซฯ และพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งเทคโนโลยีพลังงาน ขณะที่ธุรกิจดั้งเดิม (ถ่านหิน) ก็ยังมีการเติบโตอยู่แต่ไม่มีการซื้อสินทรัพย์ใหม่เพิ่มเติมแต่จะโตจากทรัพยากรเดิมที่มีอยู่
ด้านผลดำเนินธุรกิจครึ่งแรกของปี 2565 ยังคงสร้างกระแสเงินสดและผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้จากการขาย รวม 3,029 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 102,496 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,543 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 52,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 165% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 682 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 23,053 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 634% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากความต้องการใช้พลังงานที่ต่อเนื่องและบริษัทเร่งขยายพอร์ตพลังงานที่สะอาดขึ้น และเทคโนโลยีพลังงานแบบก้าวกระโดดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกปี 2565 ของ 3 กลุ่มธุรกิจหลัก มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ด้านกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง มีผลประกอบการแข็งแกร่งจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ราคาขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น เป็นผลจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้นเช่นกัน ในขณะที่อุปทานตึงตัว นอกจากนี้ การเข้าซื้อสัดส่วนผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติ และครอบคลุมถึงธุรกิจกลางน้ำบริเวณแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ส่งผลให้กำลังผลิตรวมของธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูเพิ่มเป็น 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่าต่อวัน
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไป สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้น สำหรับธุรกิจพลังงานหมุนเวียน มีการลงทุนขยายพอร์ตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงครึ่งปีแรก ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชูง็อก (Chu Ngoc) กำลังผลิต 15 เมกะวัตต์ และน็อนไห่ (Nhon Hai) กำลังผลิต 35 เมกะวัตต์ ในเวียดนาม ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหวินเจา (Vinh Chau) อยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมการเดินเครื่อง (Pre-commissioning) เพื่อให้สามารถจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้เมื่อมีการเรียกกระแสไฟฟ้าจากผู้รับซื้อไฟ (EVN)
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) เร่งเดินหน้าสร้างความเติบโต โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณท์และบริการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่ง