ประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทยและคณะประธานสภาองค์กรนายจ้างตบเท้ายื่นหนังสือคัดค้านต่อประธานวุฒิสภา และประธานรัฐสภา วันนี้ พร้อมแถลงจุดยืนคัดค้านร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ….. ชู 7 ประเด็นไม่เห็นด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (15 ส.ค.) ประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย พร้อมด้วยคณะประธานสภาองค์การนายจ้าง จะเดินทางไปยื่นหนังสือคัดค้านต่อประธานวุฒิสภา ณ สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา (เกียกกาย) และประธานรัฐสภา พร้อมแถลงจุดยืน ณ อาคารรัฐสภาเพื่อคัดค้านแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่…) พ.ศ….. ทั้งนี้เนื่องจากมีสาระสำคัญของกฎหมายที่ไม่เห็นด้วยโดยการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หลายประเด็น
สำหรับประเด็นที่ไม่เห็นด้วย เช่น 1. เพิ่มบทนิยามคำว่า "การจ้างงานรายเดือน" (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 5) เนื่องจากเห็นว่าจะเป็นการเพิ่มต้นทุนของนายจ้าง มากกว่า 30% โดยไม่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตหรือ Productivity มารองรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและเรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่เป็นการทำสัญญาของนายจ้างและลูกจ้างโดยถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว และไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง จึงไม่ควรบังคับ
2. แก้ไขเพิ่มเติมหลักการปฏิบัติของนายจ้างต่อลูกจ้างให้เท่าเทียมกันโดยไม่เลือกปฏิบัติอันเขาพึงมีตามกฎหมาย (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 15) ในเรื่องนี้ แนวทางปฏิบัติเดิมตามกฎหมายมีบังคับใช้อยู่แล้ว ตาม พ.ร.บ.เดิม มาตรา 4 และไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มเติมในมาตรา 15 ของ พ.ร.บ. พ.ศ. 2541
3. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานของลูกจ้าง โดยปรับลดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ (แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 23) การแก้ไขกรณีนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง การลดชั่วโมงการทำงานเหลือ 7 ชั่วโมงเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนให้นายจ้างมากกว่า 20% โดยไม่มี Productivity มารองรับ ซึ่งเรื่องนี้ก็ควรเป็นเรื่องของนายจ้างและลูกจ้าง ที่จะใช้แรงงานสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อพิจารณาความอยู่รอดขององค์กร
4. เพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับสถานประกอบการที่มีนายจ้างรายวันและรายเดือน นายจ้างต้องจ้างเป็นรายเดือนทั้งหมดโดยไม่เลือกปฏิบัติ (เพิ่มเติม มาตรา 23/1) การคัดค้านเพราะเห็นว่า เรื่องการจ้างงาน นายจ้างมีสิทธิจ้างลูกจ้างเป็นรายวัน ซึ่งเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ควรเป็นเรื่องการออกกฎมาบังคับใช้ ในส่วนของลูกจ้างรายวันก็จะได้รับเงินตามผลงานที่พึงได้ ก็ควรเป็นเรื่องที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงร่วมกัน
5. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันหยุดประจำสัปดาห์ โดยเพิ่มวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่าสองวันต่อสัปดาห์ (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 28) การแก้ไขกรณีนี้ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มภาระต้นทุนขององค์กรมากกว่า 20% ซึ่งทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มขึ้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่องค์กรควรมีสิทธิในการใช้แรงงานสัมพันธ์ เจรจาระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างถึงความอยู่รอดขององค์กร ว่าจะหยุดอย่างไร จะหยุดสลับกัน หยุดเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรแต่ละองค์กรจะรับได้แค่ไหน โดยไม่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจนสูญเสียรายได้ทางการตลาด
6. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีของลูกจ้าง เมื่อทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน ให้มีสิทธิลาหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่าสิบวัน (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 30) ซึ่งการพักผ่อนประจำปีนี้เป็นสิทธิของนายจ้าง ที่ให้สิทธิพนักงานที่ทำงานครบ 1 ปีแล้วจึงมีสิทธิลาพักร้อนได้ 6 วัน ในลักษณะของงานที่ลูกจ้างทำงานไม่เกิน 120 วัน ยังคงอยู่ในสภาพทดลองงานเป็นส่วนใหญ่ จึงไม่เห็นควรจะแก้ไขเพิ่มเติมใหม่
7. แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกำหนดค่าจ้างและสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างกรณีงานที่มีลักษณะและคุณภาพอย่างเดียวกันหรือปริมาณเท่ากันให้ได้รับ ในเรื่องนี้มีข้อกำหนดอยู่ในมาตรา 9 ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติม