ปตท.เผยกำไรงวด 6 เดือนแรกปี 65 อยู่ที่ 64,419 ล้านบาท โตขึ้น 12.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5% จากยอดขาย เตรียมลงทุนปีนี้กว่า 91,000 ล้านบาท สร้างความมั่นคงทางพลังงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยตลอดช่วงสถานการณ์ราคาพลังงานปรับตัวสูงได้แบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานแล้วกว่า 17,800 ล้านบาท
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 ปตท. และบริษัทในกลุ่มทั้งในและต่างประเทศมีรายได้ 1,685,419 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท โตขึ้น 12.7% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 57,166 บาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5% ของยอดขาย ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น
โดยกำไรสุทธิจำนวน 64,419 ล้านบาท มาจากผลการดำเนินงานของ ปตท.คิดเป็น 24% ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่ต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติปรับสูงขึ้นมาก และอีก 76% มาจากผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือ ปตท. ซึ่งประกอบด้วย ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม 31% ธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทย่อยอื่นๆ 17% ธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น 16% สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกมีสัดส่วนเพียง 12% ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานตามส่วนงานคิดเป็น 4% จากรายได้ของธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก
นายอรรถพลกล่าวต่อไปว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 38,848 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 24,579 ล้านบาท
นอกจากนี้ ในปี 2565 ปตท.ยังมีแผนลงทุนจำนวน 91,000 ล้านบาทเพื่อรักษาความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศและเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ผ่านการลงทุนในธุรกิจ LNG ธุรกิจก๊าซฯ และท่อส่งก๊าซฯ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าตลอดห่วงโซ่คุณค่า การลงทุนในธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life science : ธุรกิจยา ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจอุปกรณ์การแพทย์และการวินิจฉัยทางการแพทย์) ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สามารถเข้าถึงยาสามัญได้มากขึ้น การลงทุนในธุรกิจดังกล่าวข้างต้น นอกจากจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจในกลุ่ม ปตท.แล้ว ยังสนับสนุนให้เกิดการสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนสร้างงานและเพิ่มรายได้ภาคครัวเรือนในประเทศอย่างยั่งยืน
ที่ผ่านมา ปตท.ได้ร่วมแบ่งเบาภาระต้นทุนค่าครองชีพด้านพลังงานกว่า 17,800 ล้านบาท เช่น สนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษจำนวนเงินรวม 3,000 ล้านบาท รวมถึงให้ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม (LPG) แก่ผู้มีรายได้น้อยที่เป็นร้านค้าหาบเร่ แผงลอยอาหาร ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การตรึงราคาขายปลีกช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้รถ NGV ส่วนบุคคล และผู้ประกอบอาชีพขับขี่รถแท็กซี่ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จัดหาน้ำมันดิบเพื่อเพิ่มปริมาณสำรอง บรรเทาภาระต้นทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นอกจากนั้น ในภาคสังคม โครงการลมหายใจเดียวกัน กลุ่ม ปตท.ได้ให้บริการตรวจคัดกรองเชื้อโควิดไปแล้ว 138,284 คน ดูแลรักษาผู้ป่วย 13,318 คน รวมงบประมาณ 1,046 ล้านบาท โครงการลมหายใจเพื่อน้อง ช่วยเหลือเยาวชนกว่า 60,000 คนที่เสี่ยงต่อการหลุดจากระบบการศึกษาและจัดตั้งกองทุน รวมงบประมาณ 171 ล้านบาท และโครงการลมหายใจเพื่อเมือง สนับสนุนเป้าหมายของกรุงเทพมหานคร ในการปลูกต้นไม้ 1 ล้านต้น โดย ปตท.จะร่วมปลูกต้นไม้ 100,000 ต้นในพื้นที่ของ ปตท. และพื้นที่ของ กทม.