xs
xsm
sm
md
lg

ลอรีอัลเผยครึ่งปีแรกธุรกิจโต 13.5% ตลาดเกิดใหม่ขยายตัวแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - ลอรีอัล กรุ๊ป รายงานผลประกอบการครึ่งแรกปี 2565 โดยมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น ด้วยยอดขาย มูลค่า 1.836 หมื่นล้านยูโร โดยมีอัตราการเติบโตถึง 13.5% หลายแผนกมีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคขยายตัวเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทุกภูมิภาคมีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก ตลาดเกิดใหม่ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

นายนิโคลา ฮิโรนิมุส (Nicolas Hieronimus) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ ลอรีอัล กรุ๊ป กล่าวว่า "หลังจากเผชิญโรคระบาดมานานกว่า 2 ปี ผู้บริโภคเริ่มมีความต้องการที่จะเข้าสังคม และเลือกที่จะให้รางวัลตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ความงามอันล้ำสมัยและเหนือระดับ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเติบโตของตลาดความงาม ลอรีอัลเติบโตมากกว่าตลาดถึงสองเท่า และรักษาตำแหน่งในฐานะบริษัทความงามอันดับ 1 ของโลกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

การดำเนินธุรกิจของลอรีอัล กรุ๊ป นั้นก็มีความสมดุลมากขึ้น ทั้งความสมดุลระหว่างปริมาณกับมูลค่า ความสมดุลระหว่างการขยายตัวแบบออฟไลน์ เนื่องจากร้านค้าในประเทศส่วนใหญ่เปิดทำการอีกครั้ง และช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ซึ่งยังคงมีอัตราการขยายตัวในระดับเลขสองหลัก ความสมดุลระหว่างภูมิภาคต่างๆ ที่ล้วนมีอัตราการขยายตัวในระดับเลขสองหลักด้วยการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในตลาดเกิดใหม่ (ภูมิภาค SAPMENA-SSA1 และภูมิภาคละตินอเมริกา) และผลการดำเนินงานอันโดดเด่นในประเทศจีนท่ามกลางบริบทที่ท้าทายอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากความเชี่ยวชาญในอี-คอมเมิร์ซ อีกทั้งยังมีความสมดุลระหว่างแผนกต่างๆ โดยมี 3 แผนกที่มีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลัก และแผนกผลิตภัณฑ์อุปโภคขยายตัวเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาสที่ 2 และสุดท้าย กลุ่มผลิตภัณฑ์หลักก็มีอัตราการเติบโตขึ้นเป็นเลขสองหลักเช่นกัน


ด้วยศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าผ่านนวัตกรรม และการควบคุมต้นทุนที่ผ่านมานั้น ทำให้ลอรีอัล กรุ๊ป สามารถรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ลดแรงกดดันจากห่วงโซ่อุปทาน และลงทุนในแบรนด์ต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยังคงพัฒนาความสามารถในการทำกำไรและสร้างมูลค่าที่ยั่งยืนต่อไป

ในส่วนของโครงการเพื่อความยั่งยืนลอรีอัลเพื่ออนาคต (L’Oréal For The Future) ได้มาถึงหมุดหมายสำคัญ โดยลอรีอัล กรุ๊ป สามารถทำให้โรงงานทุกแห่งในภูมิภาคเอเชียเหนือนั้นมีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้สำเร็จ ต่อจากสหรัฐอเมริกาที่ทำได้ตั้งแต่ปี 2021

“แม้จะกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและความไร้เสถียรภาพในขณะนี้ แต่ลอรีอัล กรุ๊ป ก็เชื่อมั่นว่ารูปแบบการทำงานที่สมดุลและมีเอกลักษณ์ ศักยภาพในการสร้างนวัตกรรมอันน่าเหลือเชื่อ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง ความมุ่งมั่นในการทำงานของทีม และความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทจะเป็นหลักที่ทำให้สามารถดำเนินแผนกลยุทธ์การเติบโตที่สามารถทำกำไร และนำไปสู่ความยั่งยืนได้ เรายังคงเชื่อมั่นในอนาคตของตลาดความงามโลก และมั่นใจในความสามารถของเราที่จะนำไปสู่ผลลัพธ์อันโดดเด่นต่อไปในปี 2022 นี้ และทำให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ยอดขายและกำไรจะเติบโตขึ้น” นายนิโคลา ฮิโรนิมุส กล่าวเสริม


ยอดขายแบ่งตามแผนกและภูมิภาค
สรุปตามแผนก
• ผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ (Professional Products) เพิ่มขึ้น 14.3%
• ผลิตภัณฑ์อุปโภค (Consumer Products) เพิ่มขึ้น 8%
• ผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง (L’Oréal Luxe) เพิ่มขึ้น 16.4%
• ผลิตภัณฑ์เวชสำอาง (Active Cosmetics) เพิ่มขึ้น 20.9%

สรุปตามภูมิภาค
• ภูมิภาค SAPMENA – SSA2 (เอเชียแปซิฟิกใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกาหนือ-แอฟริกาใต้ซาฮารา) เพิ่มขึ้น 23%
ลอรีอัลในภูมิภาค SAPMENA นั้นเติบโตเร็วกว่าตลาดมาก โดยบริษัทสามารถสนองตอบความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากร้านค้าปลีกในภูมิภาคนี้ ในขณะเดียวกันช่องทางออนไลน์ก็ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยแผนกลยุทธ์กระตุ้นกิจกรรมที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การดำเนินงานในภูมิภาค SAPMENA นั้นได้รับอิทธิพลจากกลไกยอดขายที่โดดเด่นในอินเดียเป็นอย่างมาก

ในส่วนของภูมิภาคแปซิฟิกนั้น ลอรีอัลฟื้นตัวและกลับมายืนหยัดในประเทศออสเตรเลีย เห็นได้จากอัตราการเติบโตที่ขึ้นมาเป็นเลขสองหลักในไตรมาสที่สอง ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การกลับมาของนักท่องเที่ยวมีส่วนสนับสนุนให้ยอดขายในภูมิภาคนี้ฟื้นตัว ซึ่งลอรีอัลพบว่ายอดขายจากช่องทางออฟไลน์ฟื้นตัวอย่างมากในประเทศมาเลเซีย และยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทย และประเทศเวียดนาม จากความสำเร็จของแผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง (Active Cosmetics)

ขณะที่ในเขตตะวันออกกลางนั้น กลุ่มประเทศแถบคาบสมุทรอาระเบียนต่างมียอดขายเพิ่มขึ้นมาก ส่วนในภูมิภาคแอฟริกาใต้ซาฮารานั้น ลอรีอัล กรุ๊ป มีความก้าวหน้าเร็วกว่าตลาดอย่างมาก และยังมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นซึ่งขับเคลื่อนโดยประเทศแอฟริกาใต้และประเทศเคนยา
• ภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้น 14.3%
• ภูมิภาคอเมริกาเหนือเพิ่มขึ้น 11.6%
• ภูมิภาคเอเชียเหนือเพิ่มขึ้น 10.5%
• ภูมิภาคละตินอเมริกาเพิ่มขึ้น 22.3%


ลอรีอัล กรุ๊ป ในฐานะองค์กรด้านความงามชั้นนำของโลก ทุ่มเทในธุรกิจความงามมายาวนานกว่า 110 ปี เพื่อตอบสนองต่อความปรารถนาด้านความงามของผู้คนทั่วโลก ภายใต้เป้าหมายในการสร้างสรรค์ความงามที่ขับเคลื่อนโลกใบนี้ ลอรีอัลกำหนดทิศทางและมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านความงามที่ครอบคลุม มีจริยธรรม สร้างความยั่งยืนให้กับสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งประกอบด้วย 35 แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และพันธสัญญาเพื่อความยั่งยืนอย่าง L’Oréal for the Future ลอรีอัลมุ่งมั่นมอบสิ่งที่ดีที่สุดด้านคุณภาพ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย เต็มเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความงามอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับผู้คน

ลอรีอัล กรุ๊ป มียอดขายผลิตภัณฑ์ 3.228 หมื่นล้านยูโรในปี 2564 มีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายผ่านทุกช่องทาง ครอบคลุมถึงอีคอมเมิร์ซ ตลาดทั่วไป ห้างสรรพสินค้า เภสัชกรรมและร้านขายยา ซาลอน ร้านค้าปลีก และร้านค้าในสนามบิน และมีพนักงาน 85,400 คนทั่วโลก ลอรีอัลยึดมั่นในกลยุทธ์ที่สำคัญขององค์กรในการค้นคว้าวิจัยและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องโดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 20 แห่งใน 11 ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยทีมงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมมากกว่า 4,000 คน และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีกว่า 3,000 คน คิดค้นและพัฒนาความงามแห่งอนาคต เพื่อก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ชั้นนำด้าน Beauty Tech ต่อไป

ลอรีอัล ประเทศไทย เป็นสาขาของบริษัทผู้นำความงามของโลก นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ระดับสากล ใน 4 แผนกผลิตภัณฑ์
1. แผนกผลิตภัณฑ์อุปโภค: ลอรีอัล ปารีส, การ์นิเย่ และ เมย์เบลลีน นิวยอร์ก
2. แผนกผลิตภัณฑ์ความงามชั้นสูง: ลังโคม, ไบโอเธิร์ม, จิออร์จิโอ อาร์มานี, คีลส์, ชู อูเอมูระ, อีฟส์ แซ็งต์ โลร็องต์ และ
อิท คอสเมติกส์
3. แผนกผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ: ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล และเคเรสตาส
4. แผนกผลิตภัณฑ์เวชสำอาง: ลา โรช-โพเซย์, วิชี่ และเซราวี


กำลังโหลดความคิดเห็น