ผู้จัดการรายวัน 360 - อินเด็กซ์ทุ่มงบพันล้าน เนรมิตโปรเจกต์ “The Caventure” รำลึกเหตุการณ์ 13 หมูป่า ภายใต้บริษัท ถ้ำหลวง ดิ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ปั้นเป็นแลนด์มาร์กใหม่สู่การท่องเที่ยวระดับโลก คาดแล้วเสร็จพร้อมเปิดบริการ พ.ย.ปีหน้า มั่นใจดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและทั่วโลกปีละ 5 แสนราย คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่ 300 ล้านบาท หรือคุ้มทุนใน 3 ปี
นายเกรียงไกร กาญจนโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้รายได้หลักจากมาร์เกตติ้งเซอร์วิสหายไปค่อนข้างมาก บริษัทจึงหันมาให้ความสำคัญกับโอนโปรเจกต์มากขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ไว้ที่ 50% เท่าๆ กันกับรายได้มาร์เกตติ้งเซอร์วิส
ล่าสุดบริษัทพร้อมทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เนรมิต THE CAVENTURE ขึ้นมา ภายใต้ บริษัท ถ้ำหลวง ดิ เอ็กซ์พีเรียนซ์ จำกัด ซึ่งทางอินเด็กซ์ถือหุ้น 60% และนักลงทุนในพื้นที่ถือหุ้นอีก 40% ทุนจดทะเบียนเบื้องต้น 2 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 250 ล้านบาทในระยะต่อไป
สำหรับ THE CAVENTURE เป็นการพัฒนาพื้นที่ถ้ำหลวง เป็น Visitor Center แหล่งท่องเที่ยว ให้ได้สัมผัสกับประสบการณ์แบบย้อนรอยเดียวกันกับผู้ประสบภัย 13 หมูป่า ได้รำลึก เรียนรู้ กับเหตุการณ์ความช่วยเหลือที่เกิดขึ้น โดยมีการออกแบบให้เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์ มีความโดดเด่น และเป็นที่จดจำ ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยว และรองรับแนวคิด Universal Design ถือเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของพื้นที่ท่องเที่ยวบริเวณอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน บนพื้นที่ 20 ไร่ ตั้งอยู่บนโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ใกล้เคียงกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมในจังหวัดเชียงราย
ทั้งนี้ พร้อมเริ่มก่อสร้างในเดือน ส.ค. 65 นี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2566 หรือทดลองเปิดให้บริการได้ในเดือน ต.ค. ปีหน้า และเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการได้ในเดือนถัดไป คือ พ.ย. 2566 โดยมีราคาบัตรเข้าชมที่ 250 บาทต่อคน คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติตลอดทั้งปีกว่า 500,000 คน คิดเป็นมูลค่ารายได้กว่า 300 ล้านบาท หรือคุ้มทุนใน 3 ปี
อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในการสร้าง THE CAVENTURE เป็นลักษณะของการเช่าที่ดิน สัญญาแบบ 15 ปี++ เช่นเดียวกับ ดิสเพลย์สิ่งของที่นำมาจัดแสดงภายใน THE CAVENTURE ที่ได้มาจาก 13 หมูป่าโดยตรง จากช่วงติดอยู่ในถ้ำ, เวิลด์ทัวร์ในหลายๆประเทศ เช่น อาร์เจนติน่า และญี่ปุ่น ด้วยการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้แบบ 5+5 ปี นอกจากนี้ยังมีสิ่งของจากกลุ่มทีมช่วยเหลือ ทั้ง Thai Navy SEAL และชาวบ้านละแวกนั้นมาจัดแสดงด้วย
ภายใน THE CAVENTURE จะเน้นการสร้างประสบการณ์เสมือนจริง 2 รูปแบบ ให้กับผู้เข้าชมถึงช่วงเวลาที่ 13 หมูป่าติดอยู่ในถ้ำ คือ 1. จำลองตนเองเป็นกลุ่มที่ติดอยู่ในถ้ำ และ 2. เป็นกลุ่มที่เข้าไปในถ้ำเพื่อช่วยเหลือ เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะใช้เวลา 1-1.30 ชม. เข้ามาเยี่ยมชมและทำกิจกรรมที่นี่ และคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการเฉลี่ยวันละ 2,000 คน จากภาพรวมบริเวณอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีผู้มาท่องเที่ยวตั้งแต่ระดับพันถึงหมื่นคนต่อวัน
“ในปี 2561 อินเด็กซ์พยายามมองหาโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเน้นศึกษาตลาดท่องเที่ยวจังหวัดรอง ซึ่งคือจังหวัดเชียงราย ที่ช่วงเวลานั้นมีเหตุการณ์ 13 หมูป่าเกิดขึ้นมาด้วย อินเด็กซ์ก็ได้มองเห็นโอกาสเช่นเดียวกัน จึงเป็นที่มาของโปรเจกต์ THE CAVENTURE ในรูปแบบของ Visitor Center ซึ่งถือเป็นโอนโปรเจกต์ด้านอสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 2 ที่ลงทุนมากที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทขึ้นมา หลังจากสร้างเฮดออฟฟิศ ที่สำคัญบริษัทวางเป็นธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้หลักให้อินเด็กซ์ต่อไปในอนาคต เพราะมองว่า THE CAVENTURE จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่จะดึดดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ 13 หมูป่า ที่กลายเป็นเหตุการณ์ระดับ global issue ที่ทุกสำนักข่าวทั่วโลกเฝ้าติดตาม ผู้คนทั่วโลกเอาใจช่วย และคนดังระดับโลกจากทุกวงการได้พากันกล่าวถึง” นายเกรียงไกรกล่าว