ผู้จัดการรายวัน 360 - โลตัสเปิดบทรุกครึ่งปีหลัง จากงบทั้งปีนี้กว่าหมื่นล้านบาท จ่อผุดอีก 80 สาขาใหม่ทุกโมเดลพร้อมโมเดลใหม่ๆ ชู 4 กลยุทธ์หลักสู่ New SMART Retail มองครึ่งปีหลังสถานการณ์โดยรวมเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น มีปัจจัยบวกเอื้อ
นายสมพงษ์ รุ่งนิรัติศัย ประธานคณะผู้บริหาร ธุรกิจโลตัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 นี้คาดว่าสถานการณ์โดยรวมของภาวะเศรษฐกิจไทยน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับด้วยปัจจัยบวก เช่น นักท่องเที่ยวที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นหลังจากเปิดประเทศ และมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐหลายโครงการที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังจะเริ่มฟื้นตัว ซึ่ง โลตัส ก็มีความพร้อมในการรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งที่เราได้ปูเอาไว้ในครึ่งปีแรก และเราจะใช้ความเป็นผู้นำ New SMART Retail ในการสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ ในปี 2565 นี้โลตัสวางงบประมาณการลงทุนไว้ประมาณ 12,500-13,500 ล้านบาท ครึ่งปีแรกใช้แล้ว 50% โดยรวมทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการขยายสาขาใหม่ การปรับปรุงสาขาเดิม การเปลี่ยนแบรนด์และภาพลักษณ์ของร้านจากเทสโก้โลตัสเป็นโลตัส การลงทุนด้านไอที การพัฒนาออนไลน์แพลตฟอร์ม การตลาด เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าสาขาขนาดใหญ่อาจจะไม่ได้ขยายอย่างรวดเร็วเหมือนที่ผ่านมา แต่สาขาขนาดเล็กจะยังคงขยายสม่ำเสมอไม่ต่ำกว่า 200 สาขาในปีหน้า ซึ่งสาขาที่มีอยู่ทั้วหมดเวลานี้ของโลตัสเข้าถึงพื้นที่ได้ 70%
โดยจำนวนสาขาของโลตัส ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2565 ประกอบด้วย ไฮเปอร์มาร์เกต 224 สาขา, ซูเปอร์มาร์เกต 203 สาขา, มินิซูเปอร์มาร์เกต หรือโนตัสโกเฟรช1,852 สาขา รวม 2,279 สาขา
ช่วงครึ่งปีแรก โลตัส เปิดสาขาใหม่ 39 แห่ง โดยได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เช่น SMART Urban Supermarket ที่โลตัสโกเฟรชนวลจันทร์, Open Air Mall โลตัสไฮเปอร์มาร์เกต คลอง 2 และ SMART F&B Heaven โลตัสโกเฟรช สุทธิสาร เป็นต้น โดยทั้งหมดชูความเป็นศูนย์รวมอาหารและอาหารสดชั้นนำ ซึ่งจะนำไปพัฒนาและต่อยอดเพื่อใช้ในสาขาอื่นๆ ในครึ่งปีหลังโลตัสจะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกประมาณ 70-80 สาขา รวมถึง โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขาแฟลกชิปที่จะเปิดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ และโลตัส พรีเมียมซูเปอร์มาร์เกต ที่ไอซีเอส ตรงข้ามไอคอนสยามด้วย
“ในช่วงไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมาเราเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีของกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น เราเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ ทำให้ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เราได้ปูพื้นฐานความเป็นผู้นำ New SMART Retail เราทุ่มเทนำเทคโนโลยีที่ทรงพลังมาเชื่อมต่อสาขาของเราประมาณ 2,300 แห่งทั่วประเทศกับแพลตฟอร์มออนไลน์ และใช้ big data ในการส่งมอบประสบการณ์และความคุ้มค่าที่ตรงใจลูกค้าแบบชาญฉลาด ซึ่งเรามีกลยุทธ์ 4 ด้าน ได้แก่ 1) Inspiring fresh & food destination การเป็นศูนย์รวมอาหารและอาหารสดชั้นนำ 2) SMART life solutions เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ลูกค้าและมอบประสบการณ์ omni-channel ที่ไร้รอยต่อ 3) Personalized value that goes beyond price ความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัด พร้อมสิทธิพิเศษที่รู้ใจลูกค้า และ 4) Everyday sustainability แพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร” นายสมพงษ์กล่าว
โดยกลยุทธ์ที่ 1. Inspiring fresh & food destination: ศูนย์รวมอาหารและอาหารสดชั้นนำ
ในช่วงครึ่งปีแรก โลตัส ได้เปิดสาขาใหม่ 39 แห่ง โดยได้เปิดตัวคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับลูกค้าในแต่ละพื้นที่ เช่น SMART Urban Supermarket, Open Air Mall และ SMART F&B Heaven โดยทั้งหมดชูความเป็นศูนย์รวมอาหารและอาหารสดชั้นนำ (Inspiring Fresh & Food Destination) และการเป็นศูนย์รวมการใช้ชีวิตในแบบสมาร์ทของชุมชนทุกวัน (Everyday SMART Community Center) ซึ่งจากเสียงตอบรับที่ดีของลูกค้าต่อคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เหล่านี้ เราจะนำไปพัฒนาและต่อยอดเพื่อใช้ในสาขาอื่นๆ ในครึ่งปีหลัง ซึ่งโลตัสมีแผนงานในการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีกประมาณ 70-80 สาขา รวมถึง โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ สาขา flagship ที่จะเปิดในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
นอกจากนั้น ในส่วนของพื้นที่เช่า โลตัส มุ่งเน้นการเพิ่มทางเลือกในด้านอาหารให้แก่ลูกค้า โดยได้เพิ่มร้านอาหารและเครื่องดื่มแบรนด์ที่ลูกค้าชื่นชอบ และร้านดังในท้องถิ่น อีกกว่า 1,300 รายในครึ่งปีแรกและมีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนเป็น 5,800 ร้านภายในสิ้นปีนี้
ในส่วนของซูเปอร์มาร์เกต แผนกอาหารสดเป็นแผนกที่โลตัสให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และได้เดินหน้ายกระดับแบบครบวงจร ตั้งแต่การจัดหาสินค้าจากแหล่งที่ดีที่สุดทั้งในไทยและต่างประเทศ การยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า การเพิ่มสินค้าใหม่ที่มีความหลากหลาย เช่น ผลไม้อัตลักษณ์คัดเกรด อาหารสดพรีเมี่ยมและอาหารสดนำเข้า รวมไปถึงการจัดเรียงสินค้าในสาขาที่จะทำให้ประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้าของลูกค้าดีขึ้นกว่าเดิม โดยทั้งหมดยังคงต้องมีราคาที่เอื้อมถึงได้เพื่อช่วยลูกค้าและประชาชนประหยัดค่าครองชีพในทุกๆ วัน
2. SMART life solutions: เทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ลูกค้า และมอบประสบการณ์ omni-channel ที่ไร้รอยต่อ
ในเดือนมีนาคม 2565 โลตัส ได้เปิดตัว Lotus’s SMART App แอปพลิเคชันค้าปลีกรายแรกที่รวมแพลตฟอร์ม e-commerce และโปรแกรมขอบคุณลูกค้า MyLotus’s เข้าไว้ด้วยกัน โดยปัจจุบันมีผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นไปแล้วกว่า 4.5 ล้านราย และยอดการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เติบโตขึ้นกว่า 400% ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565
เทคโนโลยีที่ชาญฉลาดสามารถเชื่อมต่อสาขาของโลตัสประมาณ 2,300 แห่งทั่วประเทศกับออนไลน์แพลตฟอร์ม ทำให้ปัจจุบัน โลตัส สามารถขยายบริการออนไลน์ชอปปิ้งไปได้ในทุกจังหวัดที่โลตัสมีสาขาตั้งอยู่ และสามารถจัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคได้แบบ on-demand จากร้านโลตัส โก เฟรช ที่อยู่ใกล้ชุมชน และแบบ next-day จากไฮเปอร์มาร์เกตทุกสาขา สต๊อกสินค้าของแต่ละสาขาที่ถูกอัปเดตแบบ real-time ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าที่มีอยู่ในสาขาที่ใกล้บ้านที่สุด
Lotus’s SMART App ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายสาขาของ โลตัส ทำให้โลตัส เป็นซูเปอร์มาร์เกตที่มีจุดกระจายสินค้าที่ครอบคลุมมากที่สุดในประเทศไทย สามารถจัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ มีความพร้อมอย่างยิ่งในการตอบรับการเติบโตของเทรนด์ออนไลน์ชอปปิ้งต่อไปในอนาคต
3. Personalized value that goes beyond price: ความคุ้มค่าที่มากกว่าราคาประหยัด มอบสิทธิพิเศษที่รู้ใจลูกค้าแต่ละราย
โปรแกรมขอบคุณลูกค้า MyLotus’s (มายโลตัส) คือเครื่องมือสำคัญในการส่งมอบความคุ้มค่าที่ตรงใจลูกค้าแต่ละราย ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ใช้ในการประมวล big data ของลูกค้าช่วยให้โลตัส สามารถออกแบบส่วนลดและสิทธิพิเศษที่เหมาะสมกับความต้องการและพฤติกรรมการชอปปิ้งของลูกค้าแต่ละรายได้ นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน Lotus’s SMART App ช่วยให้การสะสมและแลก MyLotus’s coins ของลูกค้าเป็นไปได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะซื้อสินค้าในสาขาหรือออนไลน์ก็ตาม
นอกจากนั้น แคมเปญ “ราคามายโลตัส” ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ยกระดับความคุ้มค่าด้วยสินค้าราคาที่ดีที่สุดของโลตัส จากการร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าแบรนด์ดังกว่า 50 แบรนด์ ทำให้โลตัสสามารถมอบราคาสินค้าลดพิเศษกว่า 500 รายการ ให้สมาชิกมายโลตัสได้ สำหรับครึ่งปีหลัง แคมเปญ “ราคามายโลตัส” จะมีการหมุนเวียนสินค้ารายการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของลูกค้าต่อไป
4. Everyday sustainability: แพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร
โลตัส มุ่งมั่นในการเป็นแพลตฟอร์มแห่งโอกาสให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน ผ่านการจำหน่ายสินค้าในสาขาและช่องทางออนไลน์ของโลตัส หรือการดำเนินธุรกิจในพื้นที่มอลล์ของโลตัส นอกจากการสนับสนุนช่องทางการขายแล้ว โลตัสยังเดินหน้าพัฒนาศักยภาพรอบด้านที่จะทำให้ผู้ประกอบการ SME และเกษตรกร เติบโตได้อย่างมั่นคง ในครึ่งปีที่ผ่านมา โลตัส ได้สนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไปแล้วกว่า 2,500 ราย ทั้งผ่านกิจกรรมจับคู่เจรจาทางธุรกิจ (Business Matching) ที่จัดขึ้นทุกเดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการนำเสนอสินค้าและรับคำแนะนำจากทีมจัดซื้อเพื่อวางจำหน่ายในสาขาของโลตัส และมีการจัดสัมมนาอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ สนับสนุนพื้นที่ทดลองขายฟรี และส่วนลดค่าเช่าพื้นที่ขายในศูนย์การค้า
นายสมพงษ์กล่าวว่า แผนงานในครึ่งปีหลังจะยังคงเน้นการจับคู่ธุรกิจเพื่อรับซื้อสินค้า SME เพิ่มเติม การพัฒนาศักยภาพผ่านโครงการและกิจกรรมต่างๆ การรับซื้อผักและผลไม้ตรงจากเกษตรกร โดยเฉพาะผลไม้ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI (Geographic Indications หรือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์) นอกจากนั้น เรายังได้ร่วมกับ CP Origin ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มที่จะช่วยผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านสาขาของโลตัส โดยสามารถเช่าพื้นที่จำหน่ายสินค้าในระยะสั้น เริ่มต้นเพียงแค่ 1 วันเท่านั้น โดยแพลตฟอร์มดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความสะดวก ง่าย และคล่องตัว ให้กับผู้ประกอบการเลือกพื้นที่และสัญญาเช่าที่เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจตนเอง