ฟังอีกมุมจาก "นกแอร์" ยันเคลื่อนย้ายผู้โดยสารภายใต้ความปลอดภัยสูงสุด ประเมินร่วมทีมสนามบินไม่มีไฟไหม้ ทยอยกลุ่มแรกออกจากเครื่องบินเวลา 21.21 น. พร้อมชดเชยเต็มที่ คาดซ่อมเครื่องบิน 2-3 เดือน
วันที่ 4 ส.ค. 2565 ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ได้แถลงข่าวชี้แจงถึงเหตุการณ์เที่ยวบิน DD108 เส้นทางดอนเมือง-เชียงราย ไถลออกนอกทางวิ่งขณะลงจอด ณ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2565 เวลา 21.06 น.เป็นครั้งแรก โดย นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารทุกท่านปลอดภัย ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และเคลื่อนย้ายอากาศยานดังกล่าวเพื่อให้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
บริษัทได้มีมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ตกค้างในระหว่างที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ปิดทำการ เพื่อให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยได้จัดเที่ยวบินพิเศษเส้นทางดอนเมือง-เชียงใหม่ เพิ่มเติมวันละ 2 เที่ยวบิน ตลอดจนได้เช่าเหมาลำเครื่องบินและจัดรถรับส่งระหว่างจังหวัดเชียงรายกับจังหวัดเชียงใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร
สายการบินนกแอร์ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงต่อเหตุการณ์และข้อบกพร่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น และตระหนักถึงความเดือดร้อนของผู้โดยสารและผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกท่าน บริษัทพยายามอย่างยิ่งที่จะบริหารจัดการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินและดำเนินการแก้ไขทุกๆ ประเด็นอย่างเต็มความสามารถ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนด้านความปลอดภัยของสายการบินตามมาตรฐานสากล ซึ่งคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสารเป็นสำคัญ
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกเที่ยวบินเชียงราย วันที่ 31 ก.ค. 65 คือ 1. เก็บเครดิตบัตรโดยสาร 100% อายุ1 ปี ไม่ระบุชื่อและเส้นทางโดยอัตโนมัติ 2. ผู้โดยสารสามารถแจ้งเปลี่ยนเส้นทางการบินได้ทุกเส้นทางไม่จำกัดวันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 3. ผู้โดยสารสามารถแจ้งเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 4. ผู้โดยสารสามารถแจ้งขอคืนเงินค่าบัตรโดยสาร 100% ผ่านช่องทางการชำระเงินของท่าน 5. บัตรโดยสารฟรีไม่ระบุชื่อผู้โดยสาร/เส้นทางจำนวน 1 ที่นั่งไปกลับ (สำหรับเที่ยวบิน DD108 วันที่ 30 กรกฎาคม 2565)
@ยันเครื่องบินโบอิ้งลำเกิดเหตุใหม่ เพิ่งผ่านซ่อมใหญ่ คาดซ่อมล้อ 2-3 เดือน
นายวุฒิภูมิกล่าวว่า ยืนยันเครื่องบินโบอิ้งที่เกิดเหตุลื่นไถลนั้นไม่มีปัญหา เนื่องจากเพิ่งผ่านการซ่อมบำรุงในระดับการซ่อม C-Check จากประเทศมาเลเซีย และมีอายุ 7.6 ปีเท่านั้น คาดว่าจะใช้เวลาซ่อมล้อที่หักและตรวจสอบเครื่องยนต์ต่างๆ ประมาณ 2-3 เดือน
ปัจจุบันนกแอร์มีเครื่องบินจำนวน 17 ลำ ประกอบด้วย Boeing 737-800 จำนวน 14 ลำ และ Q400 จำนวน 3 ลำ โดยเครื่องบินโบอิ้งมีใช้งานหมุนเวียนขณะนี้ 11 ลำ เนื่องจาก 1 ลำเกิดเหตุลื่นไถล และมีอีก 2 ลำกำลังซ่อมบำรุง ซึ่งจะแล้วเสร็จและนำกลับเข้าประจำฝูงบินได้ในวันที่ 5 ส.ค.และ 8 ส.ค.นี้
@ปรับแผนธุรกิจ หมุนเวียนใช้เครื่องบินได้ ไม่ลดเที่ยวบิน
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเกิดเหตุกับเครื่องบินและไม่สามารถใช้งาน 1 ลำแบบฉุกเฉินส่งผลต่อการให้บริการและรายได้ ซึ่งจะส่งผลไปถึงแผนฟื้นฟูบ้าง ซึ่งจะมีการปรับแผนธุรกิจเป็นการภายใน ไม่มีผลถึงกับต้องยื่นแก้ไขแผนฟื้นฟู ซึ่งในแผนจะมีการเช่าเครื่องบินจำนวน 6 ลำ คาดว่าจะทยอยเข้ามาช่วงปลายปี 65-ต้นปี 66
ทั้งนี้ จำนวนเครื่องบินที่มีในปัจจุบัน และศักยภาพที่มีอายุเฉลี่ยที่ 8 ปี ดังนั้น บริษัทสามารถหมุนเวียนการใช้งานได้เนื่องจาก มีการใช้เครื่องบินประมาณ 60-70% เท่านั้น และจะไม่กระทบต่อเที่ยวบินของเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงราย ที่จะยังคงให้บริการได้ตามตารางการบิน
@แจงอีกมุม เคลื่อนย้ายผู้โดยสารตามแผน ชุดแรกออกจากเครื่องบินไม่เกิน 20 นาที และปลอดภัยทุกคน
กัปตัน สุธี จุลชาต ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ สายการบินนกแอร์ กล่าวว่า ที่นกแอร์ออกมาชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าช้าเพราะต้องรวบรวมข้อมูล ข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ จะไม่ก้าวล่วงส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน (กสอ.) ภายใต้กระทรวงคมนาคม
โดยในส่วนของข้อมูลจากนักบิน และลูกเรือของนกแอร์ มีดังนี้ นักบินมีประสบการณ์สำหรับเครื่องโบอิ้ง 15 ปี นักบินผู้ช่วย 3 ปี โดยลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้ เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ลงจอดเวลา 21.05 น. เกิดลื่นไถล เวลา 21.06 น. ขณะเกิดเหตุ สภาพอากาศมีฝนตกหนัก พื้นรันเวย์สภาพเปียก นักบินได้ปฏิบัติตามขั้นตอนกรณีเหตุฉุกเฉิน โดยทำการดับเครื่องยนต์ ตัดน้ำมันเชื้อเพลิง และตัดไฟฟ้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดประกายไฟ ทำให้ในเครื่องไม่มีแอร์ และไฟฟ้า โดยแสงสว่างจะมีในห้องนักบิน ส่วนห้องโดยสารจะมีแสงไฟเล็กน้อยจากแบตเตอรี่ ซึ่งจะใช้งานได้ประมาณ 30 นาที
ซึ่งจากที่มีการเผยแพร่ในโซเชียล ว่าผู้โดยสารต้องอยู่ในความมืดและร้อน เพราะมีการตัดไฟ แอร์ เหลือไฟฟ้าให้แสงสว่างจากแบตเตอรี่เท่านั้น
กลับมาที่นักบิน เวลา 21.06 น. หลังจากดับเครื่องยนต์ ตัดระบบไฟฟ้าแล้ว นักบินผู้ช่วยแจ้งเหตุไปยังหอบังคับการบิน ขณะที่นักบินประกาศแจ้งผู้โดยสาร และแจ้งลูกเรือเป็นระยะ โดยยืนยันว่าลูกเรือแจ้งทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
เวลา 21.08 น. หน่วยดับเพลิง สนามบินเชียงรายมาถึงเครื่องบิน และมีการสื่อสารกับนักบินผ่านทางหน้าต่างห้องนักบิน โดยนักบินขอให้หน่วยภาคพื้นยืนยันว่าไม่มีแนวโน้มในการเกิดไฟไหม้ จึงมีการตัดสินใจเคลื่อนย้ายผู้โดยสารออกจากเครื่องบินโดยไม่ใช้วิธีอพยพเร่งด่วน ทั้งนี้เนื่องจากสภาพอากาศมีฝนตกหนัก และพื้นที่โดยรอบมีโคลนและแอ่งน้ำส่วนที่เปิดประตูด้านหน้าขวาเพียง 1 จุด เนื่องจากประตูด้านหลังเครื่องมีแอ่งน้ำ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร
สำหรับการเคลื่อนย้ายผู้โดยสาร เนื่องจากช่วงแรกมีรถขนส่งจำกัด และใช้เวลารอ จึงได้จัดผู้โดยสารออกเป็นกลุ่ม ชุดแรกเป็นเด็กและผู้สูงอายุ ออกจากเครื่องบินเวลา 21.21 น. ถึงอาคารผู้โดยสาร เวลา 21.39 น. จากนั้นทยอยเป็นชุดๆ ตามรถขนส่งที่มี โดยขนส่งผู้โดยสารคนสุดท้ายลงจากเครื่องบินเวลา 22.00 น. และถึงอาคารผู้โดยสารเวลา 22.15 น.
ทั้งนี้ เนื่องจากไม่ใช่การอพยพฉุกเฉิน แต่เป็นการเคลื่อนย้าย ที่ให้ผู้โดยสารปลอดภัยมากที่สุด จึงจัดเป็นชุดๆ ทำให้มีผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่อยู่ในชุดท้ายๆ อาจต้องรออยู่ในเครื่องบินค่อนข้างนาน
กัปตัน สุธี จุลชาต กล่าวว่า ในฐานะนักบิน ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุ แต่เมื่อเกิด สิ่งสำคัญคือ ต้องช่วยเหลือปลอดภัยมากที่สุด ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้โดยสารบาดเจ็บ ไม่มีแม้แต่เปื้อนโคลน และพยายามแก้ไขให้กลับสู่สถานการณ์ปกติโดยเร็วที่สุด
ส่วนกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องบริการอาหารว่างระหว่างเคลื่อนย้ายผู้โดยสารออกจากจุดเกิดเหตุนั้น นกแอร์ขอน้อมรับว่าสื่อสารผิดพลาดและไม่ได้เตรียมอาหารว่างไว้บริการ เนื่องจากเวลาดังกล่าวร้านค้าภายในท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงรายปิดให้บริการหมดแล้ว จึงมีเพียงน้ำดื่มจากท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงฯ ที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในการเกิดเหตุครั้งนี้เท่านั้น