xs
xsm
sm
md
lg

ช่อง7 ปรับเกม ยกเครื่องผัง ชูมาร์เก็ตติ้งโซลูชั่น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ช่อง7 ยักษ์ใหญ่แห่งวงการทีวี ถึงคราวต้องขยับตัวครั้งใหญ่ กรำศึกสู้วิกฤติขั้นสุด เริ่มจากเดือนก.ค. 65ที่ผ่านมา  ปิดฉาก “ข่าวรอบดึก” หลังเที่ยงคืนออกไป หันมาให้เช่าเวลาและรีรันแทน เคราะห์ซ้ำ 2 รายการจาก JSL ได้ยุติการออกอากาศในเดือนก.ค.  ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ 3 รายการจากทางเซ้นส์ ที่จบดีลในเดือนก.ค. เช่นกัน ส่งผลให้ช่อง7 ได้มีการปรับผังรายการเดือนส.ค.ครั้งใหญ่ ดึง 5 รายการที่ผลิตเองเสียบแทนวาไรตี้หลัง 4 ทุ่ม ชูละครรีรันกินรวบตั้งแต่เช้ายันดึก ส่งผลให้โมเดลการนำเสนอคอนเท้นต์ของช่อง7 นับจากนี้ หันมาพึ่งพาตัวเองมากขึ้นทดแทนรายได้โฆษณาที่หายไป พร้อมปฏิวัติความเป็นสื่อทีวี สู่บทบาทผู้ให้บริการทางการตลาดแบบครบวงจร

ดิจิทัลดิสรัปชั่นได้เปลี่ยนภาพสื่อทีวีมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งหลายๆช่องทีวีได้มีการปรับตัวและหาทางรอดที่จะเดินต่อไปได้แล้ว ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับสื่อทีวีอีกครั้ง ด้วยการปั้นรายได้ผ่านช่องทางอื่นๆให้มาเป็นรายได้หลักทดแทนรายได้โฆษณาที่มีแนวโน้มลดลงทุกปี

แต่แล้วสถานการณ์กลับมาแย่ลงอีกครั้ง หลังเกิดสถานการณ์โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปี2562 ที่กลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้สื่อทีวีต้องสะดุดลงครั้งใหญ่ และครั้งนี้ต้องใช้ทุกอย่างที่มีอยู่ในมือ ประคองให้หน้าจอทีวียังคงสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมต่อไป


ทว่า ที่ไปต่อไม่ไหวแล้ว และสร้างความตกใจให้วงการทีวีเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาคือ การประกาศปิดตัวลงของ “JSL” คอนเท้นต์โพไวเดอร์ที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมากว่า 40 ปี

สาเหตุเกิดจากภาวะขาดทุนต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเปลี่ยนผ่านจากทีวีอะนาล็อกสู่ทีวีดิจิทัล และมาเจ็บจนหมดแรงคือช่วงโควิด-19 ส่งผลให้สุดท้ายแล้ว รายการที่ผลิตป้อนให้ทีวีหลายช่อง ได้ถูกถ่ายโอนให้บริษัทลูกดูแลต่อ

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลล่าสุด พบว่า 2 รายการ คือ มาลัยไฟท์เตอร์ ออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 17.00 น. และรายการ ไมค์คู่ไม่รู้ใคร ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.00 น. ทางช่อง7 ได้ยุติการออกอากาศลงแล้วเมื่อสิ้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนรายการเจาะใจ และ Perspective ที่ออกอากาศทางช่อง9 MCOT HD จะยังคงออกอากาศอยู่ แต่โยกให้ บริษัท จูเวไนล์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ JSL ดูแลต่อไป


**ช่อง7 ขยับเงียบ สะท้อนชีพจรสื่อทีวีเจ็บหนัก
จะเห็นได้ว่า ที่ผ่านมาแม้พายุจะแรงแค่ไหน แต่ “ช่อง7” ดูจะอยู่เหนือทุกสถานการณ์ เป็นเพียงช่องเดียวที่ไร้ดราม่า และยังคงรั้งบัลลังก์ผู้นำช่องทีวีเป็นอันดับ1 มาโดยตลอด แต่ในรอยยิ้มมีน้ำตาซ่อนอยู่ เห็นได้จากตัวเลขรายได้จากที่เคยทำได้ในระดับ 1 หมื่นล้านบาท ลดลงกว่า 50% หลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคทีวีดิจิทัล

โดยข้อมูลผลการดำเนินงานของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ ช่อง7 ตั้งแต่ปี 2557-2564 พบว่า

1. ปี 2557 มีรายได้ 10,428.40 ล้านบาท
2. ปี 2558 มีรายได้ 7,189.91 ล้านบาท
3. ปี 2559 มีรายได้ 5,825.70 ล้านบาท
4. ปี 2560 มีรายได้ 5,723.91 ล้านบาท
5. ปี 2561 มีรายได้ 5,750.07 ล้านบาท
6. ปี 2562 มีรายได้ 4,832.28 ล้านบาท
7. ปี 2563 มีรายได้ 4,168.96 ล้านบาท
8. ปี 2564 มีรายได้ 5,016.43 ล้านบาท

ทั้งนี้เฉพาะผลการดำเนินในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น จากตัวเลขรายได้ 5,016.43 ล้านบาท พบว่า เติบโตขึ้น 20.32% เทียบจากปี 2563 และกำไรโตขึ้น 101.98% หรือทำได้กว่า 1,964.61 ล้านบาท (ที่มา : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์)

อย่างไรก็ตามในปี 2565 นี้ เป็นอีกปีที่สื่อทีวีต้องฟันฝ่าอย่างหนัก คู่แข่งแย่งชิงผู้ชมก็เพิ่มขึ้น รวมถึงคู่แข่งที่แย่งชิงเม็ดเงินโฆษณาก็สูงขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในกลุ่ม KOL หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่สร้างชื่อและเกิดขึ้นใหม่ทุกๆวัน ล้วนทำให้รายได้โฆษณาที่สื่อทีวีพึงได้ถดถอยลงต่อเนื่อง สิ่งเดียวที่จะประคองสถานการณ์ไว้ได้ คือ การลดต้นทุนและมองหาการสร้างรายได้ใหม่ๆ


ทั้งนี้พบว่าในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ช่อง7 ได้มีการดำเนินแผนการมุ่งลดต้นทุนอย่างเห็นได้ชัด โดยเน้นคอนเท้นต์ข่าวเป็นหลัก ซึ่งถือเป็นการปรับผังกลุ่มรายการข่าวครั้งใหญ่ของช่อง7 เลยทีเดียว เริ่มตั้งแต่

1.ปรับโฉมรายการข่าวช่วงเย็นใหม่แบบยกเครื่องด้วยการจับมือกับทางเทโรเอ็นเทอร์เทนเม้นท์ส่งรายการข่าวใหม่“ข่าวเย็นประเด็นร้อน”ลงจอตั้งแต่ 4 ก.ย.เป็นต้นมาออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ตั้งแต่เวลา 15.45  - 18.00 น. ดำเนินรายการโดย 3 คนข่าว คือ ทินโชคกมลกิจ, ศรีสุภางค์ ธรรมาวุธ และสวิตต์ ลีละพงศ์วัฒนา รวมถึง ทนายสงกานต์ อัจฉริยทรัพย์

2.ปรับผังรายการข่าวเย็น ช่วงวันเสาร์ -อาทิตย์ กับการขยายเวลาเพิ่มให้กับรายการ “เจาะประเด็นข่าว 7HD”เริ่มตั้งแต่เวลา 16.35 - 17.15 น.และเพิ่มช่วงเวลา 17.15 - 18.00 น. เป็นละครรีรันเรื่อง “สาวน้อยอ้อยควั่น” (รีรัน 7วันรวด) เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 23ก.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุมาจาก รายการไมค์คู่ไม่รู้ใคร และมาลัยไฟท์เตอร์ หลุดผังไป จากสาเหตุการปิดตัวของ JSL ทำให้ทางช่อง7 ได้ปรับผังเพื่อให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว

3.ปิดฉากช่วงเวลาข่าวดึกออกจากผัง กับ 2 รายการข่าวคือ ข่าวดึก 7HD ออกอากาศ 01.30-02.40 น. และห้องข่าววาไรตี้ ออกอากาศ 03.45-04.30 น. ทุกคืนวันจันทร์-ศุกร์ ได้ถูกถอดออกจากผังไป และนำเอารายการ ชุมทางฮอตโชว์ และรายการใจดีสู้ฝัน มาเสียบแทนตามลำดับ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา


สาเหตุที่ทางช่อง 7ยกเลิกรายการข่าวดึกในครั้งนี้นอกจากต้องการลดต้นทุนแล้ว ส่วนสำคัญอีกประการหนึ่ง เชื่อว่าเกิดจากปัจจุบัน คู่แข่งสำคัญอย่างช่อง3 ที่เคยมีรายการข่าวดึก อย่าง ข่าววันใหม่ ออกอากาศเวลาประมาณตี1-ตี2 โดยประมาณ ได้ยุติการออกอากาศไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นปี 2564ที่ผ่านมา ส่งผลให้กลุ่มคอข่าวที่รับชมลดน้อยลงไปด้วย ดังนั้นช่อง7 จึงเลือกที่จะยุติช่วงข่าวดึกลง และกลับมาตั้งหลักลุยศึกสนามข่าวกันใหม่ กับสล็อตเวลาข่าวเช้า รวมเวลากว่า 4.30 ชม. เริ่มกันตั้งแต่เวลา 04.30- 9.00 น. กับรายการ เช้า-ข่าว 7สี ต่อด้วย เช้านี้...ที่หมอชิต เวลา 06.00 น. และสนามข่าว 7สี เวลา 07.30 น.


ส่วนแผนการปรับผังรายการประจำเดือนส.ค.นี้ ช่อง7 ได้โละทิ้งรายการประเภทวาไรตี้ เกมส์โชว์ และรายการประกวดร้องเพลง ออกทั้งหมดรวม 5รายการ ประกอบด้วย 2 รายการจาก JSL คือ มาลัยไฟท์เตอร์และไมค์คู่ไม่รู้ใคร และอีก 3 รายการจากทาง เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ คือ ร้องต้องรอด, รู้หน้าไม่รู้วัย และลูกทุ่งไอดอล ส่งผลให้ผังรายการประจำเดือนส.ค. มีการปรับผังใหม่เน้นเฉพาะช่วงสล็อตรายการวาไรตี้หลัง 4ทุ่ม ที่ออกอากาศทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 22.45 – 23.15 น. และทุกวันศุกร์ เวลา 22.30-23.15 น. เป็นหลัก


ช่วงเวลาดังกล่าว ทางช่อง7 ได้นำ 5 รายการใหม่ มาออกอากาศแทน ประกอบด้วย 1. WHO ARE YOU เป็นการเจาะลึกเส้นทางชีวิต พร้อมรู้จักตัวตนที่แท้จริง ของนักแสดงคนโปรด ผู้จัดละครคนเก่ง พิธีกร และผู้ประกาศข่าวที่คุณชื่นชอบ ออกอากาศวันจันทร์ เวลา 22.45 – 23.15 น.

2. Checklist ความสนิท และรายการ “เพื่อนซี้ทายใจ” เป็นรายการเกี่ยวกับเพื่อนรักนักแสดงจะมาตอบคำถามสุดปัง เพื่อเช็คความสนิทสนมระหว่างกัน ออกอากาศวันอังคาร เวลา 22.45 – 23.15 น.

3. MISSION 7 หัวเราะไปกับภารกิจสนุกๆ ของพระเอก นางเอก และกลุ่มนักแสดงจากละครเรื่องดัง ออกอากาศวันพุธ เวลา 22.45 – 23.15 น.

4. จานเด็ด 7 เรื่องเมาท์ พบกับพลอย-รัญดภา มันตะลัมพะ ที่จะพานักแสดงสุดฮอต ตะลอนชิมเมนูเด็ดที่ร้านอาหารสุดอร่อย พร้อมล้วงลึกเรื่องลับในชีวิต และเรื่องเมาท์แบบสนุกสนาน ออกอากาศวันพฤหัสบดี เวลา 22.45 – 23.15 น.

5. Star Cam สนุกกับไลฟ์สไตล์ชิคๆ ที่แตกต่างของเหล่านักแสดงจากช่อง7 ออกอากาศวันศุกร์ เวลา 22.30-23.15 น.


เป็นที่สังเกตว่า ทั้ง 5 รายการนี้ เดิมเป็นรายการที่ทางกลุ่มช่อง 7ผลิตเองอยู่แล้ว และนำเสนออยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์มาก่อนหน้า การนำมาลงจอครั้งนี้ จึงยังคงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการต้นทุนของทางช่อง7 ไม่ใช่การให้เช่าเวลา หรือจ้างผลิต ทดแทนรายการเดิมที่หลุดไป


ทั้งนี้ ช่อง7 ยังได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการลดต้นทุน บริหารคอนเท้นท์ ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการนำละครรีรันมาใช้นั้น จะพบว่า ผังรายการใหม่ ในเดือนส.ค.นี้ ละครรีรันถูกนำใช้อุดรอยรั่วตลอดทั้งวัน รวม 6 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงเช้า 9.20-11.20 น. ช่วงบ่าย 13.57-15.45 น. ช่วงเย็น 18.00-18.45 น. และช่วงไพร์มไทม์กับละครหลังข่าวภาคค่ำ ที่มีละครมารีรัน ถึง 2 เรื่อง ออกอากาศ ตั้งแต่วันศุกร์-วันอังคาร ตามมาอีกครั้งในช่วงเที่ยงคืน เวลาประมาณ 00.10-01.10 น. และปิดท้ายช่วงดึก ในเวลา 02.40-03.40 น.


**ช่อง 7 ผุดบริการสื่อสารการตลาดครบวงจร
นอกจากให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารลดต้นทุนแล้ว ทางช่อง7 เอง ยังคงมองหาโมเดลการบริหารสถานีโทรทัศน์ในรูปแบบอื่นๆเพิ่มเติมด้วย เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากโฆษณาตามรอยทีวีช่องอื่นๆ

ยกตัวอย่าง เช่น การก้าวข้ามความเป็นสื่อทีวีสู่การเป็นเครื่องมือทางการตลาด จากจุดแข็งที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การที่ช่อง7 ครองใจคนไทยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ มีดาราในสังกัดที่เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้า บวกกับความเป็นมืออาชีพในวงการสื่อ มีประสบการณ์และอินไซด์พฤติกรรมผู้ชมอยู่ในมือ

ส่งผลให้ในปี 2564 ที่ผ่านมา ช่อง7 ได้เปิดให้บริการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร ประกอบด้วย 4 บริการหลัก คือ 1.ให้บริการสื่อโฆษณาทีวี วิทยุ และออนไลน์, 2. วางแผนสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์แบบครบวงจร, 3. การผลิตคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ผ่านการผลิตรายการ และ4. ทำการตลาดผ่านนักแสดงและอินฟลูเอ็นเซอร์ ซึ่งบริการใหม่นี้ ทางช่อง7 ได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ อยู่เป็นระยะๆ


ที่สุดแล้วภาพรวมสื่อทีวีไม่ได้เปลี่ยนไป ยังคงเป็นสื่อที่ให้ความบันเทิง ผู้ชมยังคงรอชมคอนเท้นต์รายการดีๆอยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยการแข่งขันที่เกิดขึ้น ผู้ผลิตคอนเท้นต์ไปต่อไม่ไหว หรือหันไปผลิตรายการนำเสนอผ่านโลกโซเชียลแทน กลายมาเป็นคู่แข่งของสื่อทีวีอีกทางหนึ่ง

สื่อทีวีในวันนี้จึงต้องปรับแผนการดำเนินงานและนำเสนอรูปแบบคอนเท้นต์ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ภาพรวมช่องทีวีในวันนี้ จึงออกมาในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น มุ่งหารายได้จากหลายๆช่องทาง เน้นบริหารต้นทุนให้ได้มากที่สุด กลุ่มคอนเท้นต์ที่เคยจ้างผลิตจะค่อยๆหายไป ชูคอนเท้นต์ต้นทุนต่ำมาใช้แทน ไม่ว่าจะเป็น ละครรีรัน ภาพยนตร์ สารคดี รวมถึงให้เช่าเวลา กับรายการประเภททีวีโฮมช้อปปิ้ง เป็นต้น 

ที่สำคัญมีการปรับภาพความเป็นสื่อทีวีให้เป็นเครื่องมือทางการค้า และใช้ศักยภาพที่ได้เปรียบของความเป็นสื่อทีวี ยึดพื้นที่ความสำคัญบนหน้าจอทีวีให้กลับคืนมา

..เพื่อหาให้เจอว่า นั่นคือ ทางรอดสื่อทีวีที่จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง.


กำลังโหลดความคิดเห็น