ส.อ.ท.กำลังพิจารณาทบทวนเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปี 2565 ใหม่จากเดิมที่วางไว้ 1.8 ล้านคัน โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการเดือน ส.ค.นี้ หลังพบการส่งออกลดลงต่อเนื่องจากผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครนฉุดขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนยืดเยื้อ คาดอาจได้เพียง 1.7 ล้านคัน โดยเป้าการผลิตเพื่อส่งออกที่วางไว้จะลดลงต่ำกว่า 1 ล้านคัน
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ยังคงติดตามปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) และชิ้นส่วนรถยนต์ใกล้ชิดหลังส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้เป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ลดลงจากที่ตั้งไว้ 1,800,000 คัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 800,000 คัน และการส่งออก 1,000,000 คัน โดยขณะนี้กำลังพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างละเอียดก่อนที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งตัวเลขเบื้องต้นการผลิตปีนี้อาจลดมาอยู่ที่ประมาณ 1,700,000 คัน
“หลังจากที่เราได้รับทราบตัวเลขการผลิตและการส่งออก 6 เดือนแล้วก็พอเห็นสัญญาณทางกลุ่มจะไปดูรายละเอียดต่างๆ เพื่อประกาศทบทวนเป้าหมายการผลิตปีนี้ในการแถลงข่าวเดือน ส.ค. ซึ่งเป้าที่ลดลงเป็นหลักจะมาจากการส่งออกที่คงไม่ถึง 1 ล้านคันแต่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศดูเบื้องต้นแล้วคิดว่าน่าจะถึง 800,000 คันหรืออยู่ระดับ 850,000 คันได้ แต่ก็ยังกังวลภาวะเงินเฟ้อ การปรับขึ้นดอกเบี้ย ที่ขอดูให้ละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายที่เราวางไว้ 1,800,000 คันตอนนั้นยังไม่มีปัจจัยสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่กระทบต่อการขาดแคลนชิปเพราะยูเครนเป็นผู้ส่งออกก๊าซนีออน (Neon) บริสุทธิ์เกือบ 70% ให้ทั่วโลกเพื่อแกะแบบแผงวงจรให้เป็นแผ่นซิลิกอนเวเฟอร์ (Silicon Wafer) เพื่อใช้ผลิตชิป” นายสุรพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ การผลิตรถยนต์ทั้งหมดเดือน มิ.ย. 65 มีทั้งสิ้น 143,016 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.53% และ 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย. 65) มีทั้งสิ้น 870,109 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.02% โดย 6 เดือนแรกผลิตเพื่อส่งออกได้ 442,578 คัน คิดเป็น 50.86% ของยอดการผลิตทั้งหมด ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.98% ขณะที่การผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 6 เดือนแรกอยู่ที่ 427,533 คัน คิดเป็น 49.14% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.30%
ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน มิ.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 67,952 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.6% จากการคลายล็อกดาวน์เพิ่มขึ้นและการเปิดประเทศ การส่งออกที่เติบโตโดยเฉพาะสินค้าเกษตร การกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ฯลฯ ส่งผลให้ 6 เดือนแรกยอดขายรถยนต์อยู่ที่ 427,399 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.5%
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 73,887 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 11% จากการขาดชิปและชิ้นส่วนทำให้การผลิตรถยนต์นั่งและรถ PPV ลดลงจากมิถุนายนปีที่แล้ว 53.52% และ 34.51% ส่งผลให้การส่งออก 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 449,644 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.04% และมีมูลค่าการส่งออก 266,654.08 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.50% แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออกรถยนต์ 6 เดือนแรกปีนี้ทั้งเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 405,769.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.44%