ผู้จัดการรายวัน 360 - เมกะเทรนด์ทาสสัตว์เลี้ยงเติบโตต่อเนื่อง ดันอาหารสัตว์เลี้ยงโลกมูลค่า 5 ล้านล้านบาทพุ่ง 7% ต่อเนื่องไปอีก 5 ปีนับจากนี้ “ไอ-เทล” เตรียมพร้อมสร้างโอกาส ยื่น IPO เข้าตลาดเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา สู่การลงทุนเพิ่มศักยภาพด้านโรงงาน รับมือออเดอร์พุ่งในอนาคต มั่นใจปีนี้รายได้ยังโต 15% จากปีก่อนปิดที่ 14,529 ล้านบาท
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า เทรนด์คนอยู่เป็นโสดมีมากขึ้นทุกปี ส่วนคู่แต่งงานยุคใหม่ไม่คิดมีลูกมากขึ้น ประกอบกับช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคนอยู่บ้านมากขึ้น จึงมีการนำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงแบบเป็นสมาชิกคนสำคัญของครอบครัวสูง เมกะเทรนด์ Humannization ในเรื่องของครอบครัวที่ดูแลสัตว์เลี้ยงเสมือนสมาชิกคนสำคัญจึงเป็นโอกาสในการดำเนินธุรกิจ เห็นได้จากตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงทั่วโลกมูลค่า 5 ล้านล้านบาท ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เติบโต 5% ต่อเนื่อง และอีก 5 ปีนับจากนี้ มีทิศทางเติบโตขึ้นเป็น 7% ต่อเนื่องเช่นกัน
อีกทั้งยังพบด้วยว่าเทรนด์อาหารเปียกจะโต 10.7% ส่วนแบบแห้งจะโตเพียง 5.3% หรือกลุ่มอาหารแมวจะโต 8% สูงกว่าอาหารสุนัขที่จะโต 7% อันเนื่องมาจาก ทิศทางการหันมาเลี้ยงแมวมีสูงกว่าสุนัข ด้วยปัจจัยที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัด ผู้คนนิยมอยู่คอนโดมิเนียม ความสะดวกในการเลี้ยงแมวดีกว่าสุนัข สามารถปล่อยไว้ในบ้านได้ ทิ้งอาหารไว้ให้ทั้งวันได้ แต่สุนัขจำเป็นต้องมีคนอยู่ด้วย การเลี้ยงแมวจึงมีแนวโน้มสูงขึ้นแทนการเลี้ยงสุนัข
สำหรับ ไอ-เทล อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงมากว่า 21 ปี ที่ผ่านมาเป็นหน่วยธุรกิจหนึ่งของไทยยูเนี่ยน แต่ในปีก่อนได้ก้าวขึ้นสู่รูปแบบบริษัทอย่างเต็มตัว ถือเป็นช่วงเวลาที่มาถูกที่ถูกเวลา และมาพร้อมโมเดลธุรกิจในการผลิตอาหารสัตว์แบบครบวงจร ภายใต้วิสัยทัศน์ สร้างโลกแห่งความสุขให้สัตว์เลี้ยงให้เติบโตอย่างสมบูรณ์ด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ภายใต้การดำเนินธุรกิจ 2 ส่วน คือ 1. OEM รับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงให้ทั่วโลก และ 2. ทำแบรนด์เอง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา ได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน เสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก หรือ IPO จำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยไทยยูเนี่ยนจำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น เพื่อลงทุนในการปรับปรุงโรงงาน 2 แห่งให้ทันสมัย รองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จากปัจจุบันไอ-เทล ได้ OEM ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงรวมกว่า 4,600 รายการให้กับแบรนด์ต่างๆ จำหน่ายไปทั่วโลก หรือรายได้กว่า 99% มาจาก OEM และอีก 1% มาจากแบรนด์ของตัวเองที่มีอยู่ 5 แบรนด์ ได้แก่ 1. Bellota อาหารและขนมเกรดพรีเมียมสำหรับแมว 2. Marvo อาหารสุนัขที่มีรสชาติและรูปแบบหลากหลาย 3. ChangeTer อาหารและขนมสำหรับแมวที่ดีต่อไต 4. Calico Bay อาหารแมวตามแบบฉบับชาวเกาะ เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกา และ 5. Paramount ผลิตภัณฑ์อาหารสุนัขระดับพรีเมียมที่ผลิตจากส่วนผสมจากธรรมชาติ
นอกจากนี้ ไอ-เทลยังเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย และอยู่ในอันดับ 10 ของโลก ปีที่ผ่านมามีรายได้รวมกว่า 14,529 ล้านบาท โต 15% จากปีก่อนหน้า โดยรายได้หลักมาจาก อาหารแมว 10,708 ล้านบาท อาหารสุนัข 1,653 ล้านบาท Treats 2,148 ล้านบาท และอื่นๆอีก 19 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้มองว่าจะรักษาการเติบโตของรายได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา หรือในปีนี้น่าจะมีรายได้ราว 16,000-16,500 ล้านบาท
“ปีนี้บริษัทเชื่อว่าจะรักษาการเติบโตของรายได้ให้อยู่ในระดับเดียวกันกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นสูงมาก ทั้งในเรื่องของค่าขนส่ง แพกเกจจิ้งที่พุ่งขึ้น 10-15% แต่ทางบริษัทได้บริหารจัดการ เมนเทนให้ลูกค้าตั้งแต่ปลายปีก่อน บวกกับค่าเงินบาทอ่อนที่ส่งผลดีต่อการส่งออก จึงมองว่าจะทำให้รักษาการเติบโตของรายได้ไว้ได้” นายพิชิตชัย กล่าวสรุป