นายกุลเดช พัวพัฒนกุล ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า 7 ปีที่ผ่านมา กยท.เป็นองค์กรกลางที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการยางพาราทั้งระบบ เน้นทำงานแบบบูรณาการร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร ทั้งพี่น้องชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกรชาวสวนยาง ผู้ประกอบกิจการยาง ภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลอดจนภาคการศึกษา ซึ่งในช่วงปีที่ผ่านมา กยท.มีผลงานเป็นที่ประจักษ์หลายโครงการ และที่เด่นชัดคงเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางที่ทำต่อเนื่องมาตลอด 3 ปี เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนยางในช่วงภาวะวิกฤตโควิดตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล โครงการชะลอยางช่วยให้ชาวสวนยางสามารถเก็บผลผลิตและขายในช่วงที่ราคาเหมาะสม เป็นการชะลอการขายยางในช่วงที่ราคายางปรับตัวลงได้ รวมถึงการเพิ่มโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ทั้งชาวสวนยาง สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบกิจการยาง พร้อมผลักดันให้เกิดความมั่นคงในอาชีพการทำสวนยางระยะยาว เช่น ส่งเสริมพัฒนาอาชีพเสริม ตามความต้องการของตลาด สนับสนุนการปลูกยางแบบสวนยางยั่งยืน
“กยท.สามารถปลดล็อกความเหลื่อมล้ำด้านสิทธิประโยชน์ของชาวสวนยางให้ทั่วถึงเท่าเทียมกัน โดยการจัดสวัสดิการให้พี่น้องชาวสวนยาง ถือเป็นเกษตรกรเพียงกลุ่มเดียวของประเทศไทยที่ได้รับสิทธิสวัสดิการ สิ่งนี้คือผลงานสำคัญของ กยท. ที่จะเป็นต้นแบบให้หน่วยงานอื่นได้ศึกษา เพื่อจัดทำให้เกษตรกรกลุ่มอื่นๆ ต่อไปในอนาคต” ประธานกรรมการ กยท.กล่าว
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) กล่าวว่า ปัจจุบันองค์กรชั้นนำต่างๆ ให้ความสำคัญต่อเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น กยท.จึงกำหนดแนวทาง ‘Greener Better’ ด้วยการสร้างนวัตกรรมทั้งผลิตภัณฑ์และสังคม ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม โดยผลักดันโครงการบริหารจัดการ Carbon credit ในสวนยางเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มรายได้ เนื่องจากยางพาราสามารถกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 4.22 ตันต่อไร่ ถือเป็นโมเดลสำคัญให้กับพืชอื่นในการบริหารจัดการเรื่อง Carbon credit ต่อไป
นอกจากนี้ กยท.ยังเร่งขับเคลื่อนโครงการนวัตกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดจนห่วงโซ่ยางพารา เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ได้แก่ นวัตกรรม “มาตรฐานยางเครปบางสีน้ำตาลเกรดพรีเมียม” โดยใช้กรดอินทรีย์ที่ปลอดภัยต่อผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม ทำให้ก้อนยางไม่ก่อมลพิษกลิ่นและน้ำเสีย ส่วนผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ได้แก่ หุ่นจำลองสำหรับฝึกเจาะหาก้อนเนื้อที่ผิดปกติในขาผู้ป่วย, หุ่น CPR (หุ่นฝึกช่วยชีวิต) ซึ่ง กยท.ได้แจกหุ่น CPR ให้หน่วยงานทางการแพทย์ สาธารณสุข หน่วยกู้ชีพ และสถานศึกษา รวมจำนวน 80 ตัว ในโอกาสครบรอบวันสถาปนา กยท.ครบ 7 ปีด้วย
ผู้ว่าการ กยท.กล่าวเพิ่มเติมว่า ก้าวต่อไปของ กยท.คือขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางให้สามารถเพิ่มมูลค่า แข่งขันได้ สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจฐานราก ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนและเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยางในแต่ละพื้นที่ เพื่อยกระดับ Welfare economy ของคนที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานยางพารา และในโอกาสครบรอบ 7 ปี วันสถาปนาการยางแห่งประเทศไทย จึงได้ประกาศแผนการบริหารยางพาราอย่างยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้วยการทำสวนยางให้เกิดความคุ้มค่า ปฏิบัติตามหลักวิชาการ เช่น ปลูกดูแลรักษา กรีดยาง เก็บผลผลิต โค่น รวมถึงขนส่งอย่างถูกวิธี ด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ อนุรักษ์แหล่งที่อยู่ของพืชและสัตว์ ควบคุมการใช้สารเคมี สร้างระบบการจัดการขยะที่ดี และด้านสังคม ด้วยการไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชน เพิ่มคุณภาพชีวิต ดูแลและคุ้มครองความปลอดภัยของแรงงาน และมีการจ้างงานตามกฎหมายให้ค่าจ้างเป็นธรรม “ทั้งหมดเพื่อสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรมยางพาราของไทย และเพื่อพี่น้องเกษตรกรชาวสวนยาง ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย”
ภายในงานนี้ กยท.ได้มอบรางวัลสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางดีเด่นระดับประเทศ ประจำปี 2564/2565 เพื่อสนับสนุน และสร้างความภาคภูมิใจ และเป็นแรงผลักดันให้สถาบันเกษตรกรชาวสวนยางมีการพัฒนาไปสู่ความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยคัดเลือกสถาบันเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางที่มีความโดดเด่นในการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จในทุกมิติ รวมถึงรางวัลสมาชิกเกษตรกรชาวสวนยางพาราต้นแบบ ที่คัดเลือกจากความเป็นผู้นำ และสามารถเป็นต้นแบบถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านยางพาราให้แก่บุคคลทั่วไปได้ รวมจำนวน 15 รางวัล