ผู้จัดการรายวัน 360 - G-BEAT (จี บีท) แบรนด์เอนเนอร์ยีดริงก์รูปแบบใหม่ที่ตอบกระแสธุรกิจแห่งอนาคต ด้วยสินค้าเจาะกลุ่มผู้ชื่นชอบอีสปอร์ตและกิจกรรมที่ต้องจดจ่อกับหน้าจอ โดยมุ่งยกระดับนวัตกรรมของเครื่องดื่มเอนเนอร์ยีดริงก์ ลุยตลาดกลุ่มพรีเมียมมูลค่าพันล้านบาท
นายเอกชัย ขจรบุญถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีท เดอะ เวิลด์ จำกัด กล่าวถึงเทรนด์ในตลาด และกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ว่า จากผลการสำรวจนวัตกรรมของเครื่องดื่มเอนเนอร์ยีดริงก์ของเมืองไทย ส่วนใหญ่ยังพัฒนาช้ากว่าตลาดโลกเกือบ 20 ปี โดยสาเหตุมาจากการเน้นการแข่งขันด้านราคาและการชิงโชคมากกว่าการใส่ใจในคุณภาพของสินค้าและความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภครุ่นใหม่ ซึ่งให้ความใส่ใจเรื่องสุขภาพ ส่วนผสมที่มาจากแหล่งธรรมชาติ และต้องการสินค้าที่มีความเข้าใจใน “ไลฟ์สไตล์” ที่เปลี่ยนไป
อีก “ไลฟ์สไตล์” ที่ถือเป็นธุรกิจแห่งอนาคต นั่นคือเทรนด์ของอีสปอร์ตและกลุ่มคนที่ชื่นชอบในการเล่นเกมหรือที่เรียกกันว่า “เกมเมอร์” ไม่ว่าจะเล่นเกมเพื่อความบันเทิง หรือเล่นเป็นอาชีพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องใช้พลังของสมองและต้องการตัวช่วยที่ลดความอ่อนล้าของสายตา แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องดื่มง่ายและดีต่อสุขภาพ
“เป้าหมายของเครื่องดื่ม จี บีท เอนเนอร์ยีดริงก์ คือการสร้างเอนเนอร์ยีดริงก์เพื่อ “ผู้บริโภคแห่งอนาคต“ ซึ่งกลุ่มคนที่หลงใหลในอีสปอร์ตและกลุ่มคนที่มีการเล่นเกมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ปัจจุบันในไทยมีผู้เล่นเกมเป็นประจำ (Active Gamer) ถึง 28 ล้านคน ถือเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเงินหมุนเวียนในธุรกิจนี้มากกว่า 27,000 ล้านบาท แต่สินค้าที่ตอบสนองต่อคนกลุ่มนี้ยังไม่เด่นชัดและหายากในตลาด ทาง จี บีท จึงเน้นทำการตลาดที่สนุกโดยเน้นไปที่สื่อออนไลน์ ที่จะช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ที่รักการเล่นเกมและอีสปอร์ต”
นายณพมนัส สังขทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด บริษัท บีท เดอะ เวิลด์ จำกัด กล่าวเสริมว่า ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปัจจุบันมีมูลค่าโดยรวมกว่า 22,000 ล้านบาท แต่ไม่สามารถดึงดูด (Recruit) ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ที่สนใจคุณภาพของสินค้ามากกว่าการแข่งขันเรื่องราคาหรือการชิงโชค นั่นคือสาเหตุให้ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะตกลงอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของ Euromonitor International ล่าสุด เครื่องดื่มชนิดนี้ เมื่อปี ค.ศ. 2021 มีการหดตัวต่ำสุดถึง 6% โดยมีผลพวงมาจากการปิดตัวของไซต์งานก่อสร้างและลูกค้ากลุ่ม Blue Collar ที่เป็นตลาดหลักของเครื่องดื่มชูกำลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ Covid-19
“เราเลือกที่จะลงเล่นในกลุ่มของพรีเมียม เอนเนอร์ยีดริงก์ ที่มีราคาตั้งแต่ 25 บาทขึ้นไป ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดของเครื่องดื่มชูกำลังอยู่ที่ประมาณ 5% หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ และดื่มโดยใช้เป็นมิกเซอร์ ซึ่งสาเหตุหลักที่เครื่องดื่มในกลุ่มนี้ยังมีส่วนผสมที่ไม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ที่เป็นคนไทย เนื่องจากถูกมองว่าไม่ดีต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมที่เป็นกาเฟอีนสังเคราะห์ และมีส่วนผสมของน้ำตาลสูง รวมถึงรสชาติที่ดื่มยาก ทำให้ผู้บริโภคกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่หันมาใส่ใจในการดูแลสุขภาพ หันไปซื้อหรือพึ่งสินค้าประเภทเครื่องดื่มวิตามินแทน ซึ่งเครื่องดื่มกลุ่มวิตามินเป็นอีกเซกเมนต์หนึ่งที่ จี บีท สามารถที่จะไปแชร์ส่วนแบ่งตลาดมาได้ โดยมี 2 รสชาติ ได้แก่ รส Bubble Gum (บับเบิ้ล กัม)และ Apple Booster (แอปเปิลและลูกแพร์)
“จี บีท ต้องการปลดล็อกโจทย์ของเอนเนอร์ยีดริงก์ในประเทศไทย โดยใช้นวัตกรรมในการพัฒนาให้เป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ รสชาติอร่อย ดื่มง่าย ใช้กาเฟอีนจากธรรมชาติสกัดจากชาเขียว สูตรน้ำตาล 0%”
จี บีท เน้นย้ำจุดยืนของการสนับสนุนอีสปอร์ตและผู้ชื่นชอบในการเล่นเกม แบรนด์จี บีท ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการในส่วนของเครื่องดื่มเอนเนอร์ยีดริงก์ ทีม Talon Esports และมีแพลนการทำกิจกรรมสนุกๆ อีกมากมาย ภายใต้คอนเซ็ปต์ #จีบีทสายซัป ซึ่งผลงานล่าสุด สมาชิก 5 คนของทีม Talon Esports ได้เป็นตัวแทนประเทศไทย และคว้าเหรียญทองของการแข่งขันเกม Arena of Valor (Mobile) หรือ RoV ใน "ซีเกมส์ 2022" หรือ SEA Games HANOI 2021 ครั้งที่ 31 ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม รวมถึงการเป็นหนึ่งในทีมจากประเทศไทยที่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน RoV Pro League AIC 2022 ระดับโลกที่ผ่านมา” นายณพมนัส สังขทรัพย์ กล่าว
