ผู้จัดการรายวัน - สหพัฒน์ ดันมาม่าหันส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 30% แล้วจากเดิม 20% หลังต้นทุนผลิตในไทยพุ่งไม่หยุด รบเร้ากระทรวงพาณิชย์เมื่อไรจะไฟเขียวปรับราคา อ้างแบกภาระมาหนัก 2 เดือนไม่ไหวแล้ว พร้อมทั้งโหมตลาดกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น ล่าสุดออกกลุ่มโซเดียมน้อย ขาย 8 บาท
นายเวทิต โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่สูงขึ้น แต่บริษัทฯยืนยันว่ายังคงดำเนินการผลิตมาม่าเต็ม 100% ไม่มีลด แต่หันไปส่งออกต่างประเทศเพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการสูง จากเดิมมีสัดส่วนส่งออก 20% เพิ่มเป็น 30% แล้ว
ส่วนตลาดในประเทศก็ยังคงทำต่อเนื่องแต่ต้องพยายามหาทางลดต้นทุนในส่วนที่พอทำได้ เช่นการปรับการขนส่งเส้นทางเดินทาง เป็นต้น
ขณะนี้บริษัทฯต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่ามานานกว่า 2 เดือนแล้ว ซึ่งแบกรับไม่ไหวแล้ว โดยน้ำมันปาล์มราคาขึ้นไปแล้ว 110% ข้าวสาลีราคาขึ้น 53% ซึ่งสองตัวนี้เป็นวัตถุดิบหลักเกิน 50% แล้ว ยังไม่นับรวมแพคเกจจิ้งที่ขึ้นราคาด้วยเพราะเป็นสินค้าดาวน์สตรีมของปิโตรเลียมที่ยังขึ้นราคาต่อเนื่อง
“เรายังรอการอนุมัติจากทางกระทรวงพาณิชย์ ที่เขายังไม่อนุมัติก็คงเป็นเพราะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้กระทบผู้บริโภค แต่เราร่วมมือตลอด เขาขอข้อมูลอะไรมาเพิ่มเราก็จัดส่งให้ตลอด เราขึ้นราคามาม่าล่าสุดก็เมื่อ 14 ปีที่แล้ว ตอนนี้ขอขึ้นเป็น 7 บาท จาก 6 บาท แบบซอง ถ้าเขาให้ขึ้นราคาเมื่อไรก็ขึ้นเมื่อนั้น ผมถือว่าครั้งนี้หนักที่สุดสำหรับผมตั้งแต่เข้ามาดูแลมาม่า” นายเวทิต กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายเวทิต กล่าวปฎิเสธ ว่า การออกสินค้าใหม่ของมาม่าที่มีราคาสูงขึ้นนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มพรีเมียมที่มีราคาจำหน่ายเกิน 10 บาทต่อยูนิต ไม่ใช่เป็นการขึ้นราคาทางอ้อม เพราะถือว่าเป็นการผลิตสินค้าเอสเคยูใหม่ และเป็นการผลิตตามต้นทุนปัจจุบันจึงตั้งราคาตามจริง ไม่ใช่เป็นสินค้าเก่า และทุกครั้งที่มีการออกสินค้าใหม่มาจำหน่าย เราก็ต้องขออนุมัติจากทางกระทรวงฯอยู่แล้ว
ล่าสุดบริษัทฯออกสินค้าใหม่ มาม่า สูตร Less Sodium มี 4 รสชาติคือ ต้มยำกุ้ง หมูสับ ต้มยำกุ้งน้ำข้น เส้นหมี่น้ำใส ซึ่งมีราคาจำหน่าย 8 บาทต่อซอง โดยลดปริมาณโซเดียมลงสูงสุด 43% แล้วแต่รสชาติ ส่วนกลุ่มพรีเมียมถือเป็นตลาดที่เติบโตดี โดยมาม่าโอเค ราคา 15 บาท ของบริษัทฯเติบโตมากกว่า 20% และกลุ่มพรีเมียมทำรายได้สัดส่วนให้กับมาม่าประมาณ 20% จากรายได้รวม ขณะที่ตลาดรวมพรีเมียมเติบโต 15% สำหรับภาพรวมตลาดรวมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ช่วง 5 เดือนแรกปี 2565 นี้มีมูลค่าประมาณ 8,000 ล้านบาท เติบโต 7% ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าตลาดรวมจะเติบโตน้อยกว่าคือ 3% เนื่องจากเมื่อเทียบกับครึ่งปีหลังปีที่แล้วเติบโตสูงมาก