•เมื่อ "น้ำมัน" ไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของพลังงาน ในมุมของผู้ค้าปลีกน้ำมัน นี่คือจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ และก้าวสำคัญในการขยายธุรกิจสู่ความหลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ปัจจัยการใช้ชีวิตอย่างรอบด้าน และสร้างสรรค์
•คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) [PTG] จะมาเล่าถึง 7 กลุ่มธุรกิจ Non-oil ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคครบทั้ง 4 ปัจจัย ภายใต้ แนวคิด “อยู่ดี มีสุข”
1.“ผลการดำเนินงาน Q1/2022 PTG มีรายได้จากการค้าน้ำมันสูงขึ้นเกือบ 21% ขณะเดียวกันก็มีต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้นในสัดส่วนที่ไล่เรี่ยกัน อันเนื่องมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ทำให้ทั้งกำไรก่อนหักค่าเสื่อม (EBITDA) และกำไรสุทธิ (Net profit) ล่าสุดปรับลดลง“– ตัวเลขผลประกอบการเช่นนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะ PTG เท่านั้น แต่ผู้ค้าปลีกน้ำมันทุกรายในไทยต่างก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ดังนั้น เพื่อตั้งรับกับสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่อยู่เหนือการควบคุม ประกอบกับปัจจัยอื่นๆทางเศรษฐกิจ คุณได้วางแผนยุทธศาสตร์รับมือไว้อย่างไร
มุมแรก เราดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายครับ ก็ต้องไปดูว่ามีค่าใช้จ่ายตรงไหนบ้างที่เราสามารถลดได้ ส่วนมุมที่สอง ผมต้องเรียนอย่างนี้ครับ ในทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ เราเรียกมันว่า “Don’t waste a good crisis” ไหน ๆ วิกฤติจะมาแล้ว เราควรจะใช้ประโยชน์จากมันให้ได้ จึงเป็นที่มาว่า ทำไมทุกวันนี้เราให้ความสำคัญกับการเจาะข้อมูล เอาข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อหา Insight และทำให้เราตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น เพราะสุดท้ายแล้ว ถ้าเราตอบโจทย์ความต้องการได้ มันก็จะส่งผลดีในเรื่องของ Volume ตามมา สำหรับมุมสุดท้าย เนื่องจากการเหวี่ยงขึ้นลงของราคาน้ำมัน เป็นปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้ วันนี้จึงเป็นที่มาที่ไปว่าทำไมเราถึงขยายธุรกิจไปสู่ “Non-oil” ครับ
2.แผนกลยุทธ์รุกธุรกิจ Non-oil เป็นอย่างไรบ้าง
จริงๆต้องบอกว่า ตั้งแต่เราทำธุรกิจมาจนถึงวันนี้เนี่ย 90-95% ของรายได้ ยังมาจากธุรกิจน้ำมัน แต่ที่ผ่านมาเราพยายาม Diversify เหมือนกับที่เขาพูดกันว่า “เราไม่ควรใส่ไข่อยู่ในตะกร้าใบเดียว” ชีวิตของ PTG ไม่ควรฝากไว้ในตะกร้าใบเดียวที่เรียกว่า oil ดังนั้น ธุรกิจของ PTG ก็ต้องอยู่ในตะกร้าใบอื่นๆ นั่นก็คือ Non-oil ก็ไล่ตั้งแต่ F&B อย่างกาแฟพันธุ์ไทย และ Coffee World ตามมาด้วย Retail คือ Max mart ตามมาด้วย Autobacs maintenance ธุรกิจ Logistics และ ร้านยา Nexx Pharma ซึ่งเกี่ยวกับ ความอยู่ดี มีสุข Well being หรือ Wellness นะครับ
นอกจากนี้ เรายังเข้าไปในเรื่อง Digital โดยปลายเดือนมิถุนายนนี้ เราจะมี E-Wallet มันก็จะตอบโจทย์เรื่อง E-Finance และ Lifestyle สำหรับกลุ่มสุดท้าย กลุ่มที่ 7 เราก็เข้าไปทำในส่วนของ Green Energy เรามีการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ และ Palm Complex ปัจจุบันเรามีสถานีบริการน้ำกว่า 2,000 แห่ง ซึ่งเราได้ทำ Solar roof ไว้ในสถานีด้วย
3.เป้าหมายแผนการทำงานของ PTG ในปี 2022 และในระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้
ในมุมของ Non-oil สิ่งที่เราจะขยาย อย่างกาแฟพันธุ์ไทย เราตั้งเป้าขยายอีก 100 เปอร์เซ็นต์ภายในปีนี้ กล่าวคือ เดิมเรามีประมาณสองร้อยกว่าสาขา เราจะขยายเพิ่มอีกสองร้อยกว่าสาขา รวมเป็นห้าร้อยกว่าสาขาครับ ซึ่งปีหน้านี้เราคาดว่าจะสามารถขยายได้เข้มข้นกว่านี้ ขณะที่ในมุมของ Autobacs เราก็เตรียมขยับนะครับ จากเดิมเรามี 30 สาขา คาดว่าเดือนธันวาคมนี้เราจะเพิ่มจำนวนได้เป็น 60 สาขา เพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์เลยนะครับ
ดังนั้น ในระยะ 5 ปีต่อจากนี้ การขยายจะแบ่งออกเป็น 3 วิธี ข้อแรกเป็นเรื่องของการขยายธุรกิจที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มน้ำมัน หรือ Non-oil โดยเฉพาะกลุ่มหลังเนี่ยนะครับ ผมขอยกตัวอย่าง ร้านกาแฟพันธุ์ไทย เราคาดว่า 5 ปีต่อจากนี้ จะขยายไปได้ถึง 3,000 สาขา สำหรับด้านผลกำไร ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ปัจจุบันธุรกิจ Non-oil ทำกำไรอยู่ที่ประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ของกำไรทั้งหมด แต่อีก 5 ปีข้างหน้า คาดว่าจะต้องแตะ 50 เปอร์เซ็นต์ครับ ข้อที่สอง เป็นการขยายโดยวิธีที่เราไปทำ M&A กับธุรกิจอื่นๆ อาจจะเป็นต้นน้ำหรือปลายน้ำ ผมยกตัวอย่าง วันนี้เรามีร้านกาแฟ เรามีก๋วยเตี๋ยวเรือร่าเริง วันนึงเราอาจจะไป join กับ “Greenovate” ผมใช้คำว่า Greenovate นะครับ ที่ทำเกี่ยวกับธุรกิจกัญชา หรือในกลุ่มรถพลังไฟฟ้า Charging station วันนี้เรามี join กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในการทำจุด Quick Charge ซึ่งใช้เวลาเพียง 30 นาที สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 80 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นโปรเจค Exclusive เฉพาะเรากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนะครับ ปัจจุบันเรามีให้บริการแล้ว 35 สาขา
สำหรับข้อที่สาม เรามีการขยายธุรกิจภายใต้ Max Ventures ซึ่งเน้นเรื่อง Design Thinking เรามี Incubation ของตัวเอง เช่น PAVITREE ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมมาจากปาล์มน้ำมัน
4.เล่าให้เราฟังเกี่ยวกับ โครงการ PT Max Park ศาลายา
ทุกวันนี้ถ้าสังเกตนะครับ ทุกสถานีบริการน้ำมันปัจจุบัน เราจะเห็นการขยับขยายไปตามหัวเมืองใหญ่ กรุงเทพฯและปริมณฑล หรือตามถนนสายหลัก ที่สำคัญคือต้องใหญ่ ครบวงจร มีทุกอย่าง และต้องรองรับอนาคตในอีก 7-10 ปีข้างหน้า หาก EV เข้ามามีบทบาท มุมของเรา วันนี้เราต้องการให้สถานีบริการ PT Max Park Salaya เป็นต้นแบบ โดยเราทดลองบนพื้นที่ 9 ไร่ ส่วนหน้าเป็นสถานีบริการน้ำมัน กับกลุ่มธุรกิจ Non-oil ส่วนด้านหลังเราจะทำเป็น Community จุดที่น่าสนใจก็คือ บริเวณส่วนหน้าที่เป็นสถานีบริการน้ำมัน เราไม่มีเด็กปั๊มมาเติมน้ำมันให้แบบปั๊มทั่วๆไป แต่เรามีนวัตกรรมการบริการซึ่งเราทำมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เรียกว่า “PT Service Master” สถานีบริการ Max Park Salaya เป็นสถานีที่มีการบริการที่ดีที่สุดในประเทศไทย มีปัจจัยสี่ครบ ทั้งเรื่อง Community เครื่องดื่ม อาหารการกิน กาแฟพันธุ์ไทย Coffee World และ Max mart
ไฮไลค์สำคัญซึ่งเป็นมุมที่สอง นั่นคือ ด้านที่อยู่อาศัย เราใช้พื้นที่ราว 300 ตารางเมตร ทำ Co-working Space เพื่อให้นิสิตมาอ่านหนังสือสอบบริเวณนี้ได้ ต่อมาในมุมเครื่องนุ่มห่ม เราก็จะทำจุดบริการเครื่องซักผ้า และสุดท้ายเรื่องยารักษาโรค เรามี ร้านยา Nexx Pharma
)
5.เนื่องจากธุรกิจหลักของ PTG จัดอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมโดยตรง คุณมีแนวคิดและนโยบายเรื่องการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) อย่างไร
เราทำธุรกิจทุกวันนี้อย่าคิดแค่เรื่องผลกำไรอย่างเดียว เราต้องคำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อมด้วย ดังนั้น เวลาเราทำอะไร เราจะคำนึงถึงการเติบโตอย่างยั่งยืน ปีนี้เราเพิ่งได้รางวัลด้าน CSR จากงาน Thailand Top Company Awards 2022 นะครับ โดยเราทำโครงการเกี่ยวกับแว่นตาให้คนในชุมชน ชื่อว่า “ชุมชนตาสว่าง” โดยทุกครั้งที่เราไปทำกิจกรรมค่ายอาสาในชุมชนต่างๆ เราจะพาคุณหมอไปตรวจรักษาเสมอ และเราก็จะมีทีมผู้เชี่ยวชาญไปตรวจวัดสายตาโดยเฉพาะ หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เราจะส่งแว่นตาไปให้ ซึ่งเป็นแว่นที่เราสั่งตัดนะครับ ไม่ใช่ซื้อแว่นสำเร็จรูปมาให้
นอกจากนี้ ความที่เรามีคลังน้ำมัน และปั๊มน้ำมัน กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ อย่างกรณีแม่กลอง เราก็มีกิจกรรมเก็บขยะ และปลูกป่าชายเลน ขณะที่ในมุมคาร์บอนเครดิต ภายในปี 2027 เราคาดว่าจะสามารถทำคาร์บอนเครดิตได้ถึงหกพันกว่าตัน ซึ่งก็เป็นผลมาจาก Solar roof ของเรา
6.ท่ามกลางวิกฤติการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคโควิด-19 ปัญหาสงคราม ราคาน้ำมัน และเศรษฐกิจ ฯลฯ คุณมีวิธีการบริหารงานอย่างไรเพื่อสร้างขวัญกำลังใจและแรงผลักดันในการทำงานให้กับบุคลากรของ PTG
ผมเรียนอย่างนี้นะครับ ที่อื่นอาจจะยึด Customer First แต่ที่ PTG เรายึดว่า Staff First ครับ ลูกค้ามาเป็นอันดับสอง เราทำอะไร เราคิดอะไร เราจะคำนึงถึงลูกน้องเราก่อนเสมอ ผมยกตัวอย่างกรณีโควิด เราก็มีมาตรการดูแลช่วยเหลือพนักงาน มีการส่งเครื่องมือที่จะช่วยป้องกันการติดโควิดไปให้เขา รวมถึงมาตรการ Work from home เราคิดว่าจะทำยังไง ให้เทคโนโลยีช่วยให้เขาทำงานง่ายขึ้น สะดวกขึ้น เร็วขึ้น อย่างที่เราเห็นในออฟฟิศนี้นะครับ บริเวณชั้น 44-45 ผมทำเป็น Co-working space และโถงที่ไล่ลงมาตั้งแต่ชั้น 48-44 รวม 5 ชั้น เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อให้พนักงานรู้สึกว่ามันไม่เหมือนทำงานอยู่ในคอก เราต้องการสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อให้พนักงานรู้สึกมีความสุขในการทำงานครับ
(Advertorial)