ประธานส.อ.ท. เปิดแนวทางสร้างความเข้มแข็งให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมุ่งปูทางสู่อุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) หนีดิสรัป สอดรับBCGโมเดล รับมือ Perfect Storm
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท) กล่าวในงานสัมมนา “สู่โอกาสใหม่ Stronger Thailand” ว่า ภาคอุตสาหกรรมไทยที่ผ่านมาได้เผชิญความท้าทายมาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ 4 เหตุการณ์ที่เรียกว่า VUCA ที่ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นได้ และหลายคนมองว่านอกจากจะเป็น VUCA แล้วยังหมายถึงพายุแต่ละลูกกำลังมารวมเป็นพายุที่ใหญ่กว่าที่เรียกว่า Perfect Storm เราจะรอดได้อย่างไร
ทั้งนี้ VUCA ได้แก่ 1.ความผันผวน(Volatility) เกิดดิจิทัลดิสรัปที่ทุกอุตสาหกรรมโดนทั้งหมด ภาคอุตสาหกรรมต้องหนีตายและจำเป็นต้องปรับตัว (Tranfromation) เป็น 4.0 จากปัจจุบันอยู่ที่ 2.0-2.5 เท่านั้น 2.ความไม่แน่นอน(Uncertainty) การเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนและอเมริกา ทำให้มีสินค้าบางตัวที่ถูกกีดกันทางการค้า เกิดทั้งผลบวกและลบ เกืดการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศใหม่ทั้ง ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย 3.ความซับซ้อน(Complexity) เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 มีเพียงภาคการส่งออกเท่านั้นที่รอด ซึ่งนั่นมาจากภาคอุตสาหกรรม ทำให้ GDP ปี 64 โต 1.6% จากที่ติดลบ 6% ในปี 2563 4.ความคลุมเครือ (Ambiguity) เกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบวัตถุดิบทำให้เกิดซัพพรายดิสรัป ทั้งชิบ ปุ๋ยเคมี อาหาร จึงคาดการณ์ได้ว่าสินปี 2565 นี้ทั่วโลกจะขาดแคลนอาหารแน่นอน
ทั้งนี้ ส.อ.ท. ได้มุ่งสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมเพื่อที่จะรับมือกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ โดยการดึงสมาชิกทั่วประเทศ 14,000 บริษัท รวม SMEs ป็นทีมเดียวกัน เชื่อมโยงการทำงานกับภาครัฐ ทำการกับเอกชน โดย 45 กลุ่มอุตสาหกรรม 11 คลัสเตอร์ 76 สภาอุตสาหกรรม ที่จะก้าวไปสู่ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) เน้นไปสู่ BCG โมเดล และรองรับ Climate Change เพื่อเป็นทางรอดของภาคอุตสาหกรรม
“กรณี BCG เราจะดึงโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรอัจฉริยะ :Smart Agriculture Industry) หรือ SAI In The City มาเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับภาคเกษตร ขณะที่อุตสาหกรรมเป้าหมายหรือ S-Curve อย่างอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีความเข้มแข็งเมื่อยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้ามาเป็นเทรนด์โลก ไทยจำเป็นต้องเร่งให้ประเทศเป็นศูนย์กลางของ EV ก่อนที่จะเสียโอกาสและตลาดให้กับอินโดนีเซีย เพราะมีวัตถุดิบมีแร่นิกเกิล ดังนั้นไทยต้องเร่งให้เร็ว”นายเกรียงไกรกล่าว
นอกจากนี้ ไทยต้องไม่หยุดการพัฒนาในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แม้ไทยจะเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ของโลก แต่ไทยเองผลิตหลักๆ คือฮาร์ดดิส ซึ่งปัจจุบันชิ้นส่วนมันไปไกลเป็นขั้นสูงหมดแล้ว ไทยต้องไม่เสียโอกาสและช้าไปคู่แข่ง
รวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเช่นกัน จำเป็นต้องได้นักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ มีการจับจ่ายใช้สอยที่สูงขึ้นซึ่งอาจต้องใช้เรื่องของอุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพมาเป็นตัวดึงดูด จะทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตแบบมีคุณภาพได้มาก
ขณะที่อุตสาหกรรมการเกษตร จำเป็นต้องสร้างมูลค่าเพิ่ม ไปสู่อาหารแห่งอนาคต ใช้เรื่องของ BCG มาเป็นตัวนำเช่น การใช้ฟ้าทะลายโจรมาผลิตเป็นยา ขยายไปสู่เครื่องสำอาง อาหารเพื่อสุขภาพ ใช้งานวิจัยเข้ามาช่วย เช่น การดึงเอาเส้นใยกัญชงกัญชาขยายต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมสิ่งทอ การดึงเอาเปลือกมังคุดที่สะกัดเป็นสารตั้งต้นเพื่อทำเป็นยา หรือการนำเอาสารที่สกัดตากเห็ดมาผลิตเป็นเครื่องหนัง เป็นต้น
สำหรับอุตสาหกรรมใหม่ เช่น การแพทย์ ชีวภาพ หุ่นยนต์ การบิน ดิจิทัล มีแนวโน้มการลงทุนที่สูงขึ้น ทั้งหมดนี้ คือแนวทางที่จะทำให้เศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมไทยเข้มแข็ง และต้องผลักดันให้ความช่วยเหลือรายเล็ก SMEs ไปด้วย