ห้องสมุดนอกจากเป็นแหล่งรวบรวมทรัพยากรสารสนเทศที่หลากหลายแล้วยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ สื่อในกระบวนการเรียนการสอน และเป็นเครื่องมือช่วยให้นักเรียนได้มีพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีอีกด้วย แต่ถ้าห้องสมุดนั้นไม่สามารถดึงดูดให้เยาวชนเข้าไปค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมได้ ห้องสมุดก็เป็นเพียงสิ่งปลูกสร้างที่ไร้ความหมาย
ล่าสุด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลกอย่างนีเวีย และ ยูเซอริน พร้อมด้วย มูลนิธิอโชก้า ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสังคม (ประเทศไทย) และโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือใน โครงการ “ห้องสมุดยุคใหม่ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้” ปรับปรุงห้องสมุดเพื่อเด็กด้อยโอกาส 11 แห่งในประเทศไทย โดยนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับปรุงห้องสมุด เพื่อให้เด็ก ๆ สามารถเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างเท่าเทียมและเกิดความสนใจในการเรียนรู้ด้วยตนเองยิ่งขึ้น เพื่อให้นักเรียนสามารถค้นคว้าหาความรู้ได้อย่างอิสระตามความสนใจของแต่ละบุคคล อันส่งผลให้เกิดทักษะรักการเรียนรู้ด้วยตนเองตลอดชีวิต เพื่อเติบโตเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพต่อไป
คุณสเตฟานี แบร์โรล รองประธานกรรมการอาวุโส ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ กล่าวว่า “บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) นอกจากจะมีวัตถุประสงค์การดำเนินธุรกิจในด้านการดูแลสุขภาพผิวที่ดีให้กับผู้คนแล้ว เรายังตระหนักถึงความสำคัญด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกในสังคมอีกด้วย และหนึ่งในสิ่งที่เราให้ความสำคัญคือเรื่องของการศึกษา ที่นับกว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศแบบยั่งยืน รวมถึงความสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ที่ดีได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม การมีแหล่งเรียนรู้อย่าง “ห้องสมุด” ที่มีคุณภาพและทันสมัยไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่พวกเขาได้มาศึกษาหาความรู้นอกห้องเรียน ยังเป็นสถานที่ให้พวกเขาได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ฝึกฝนทักษะ และพัฒนาศักยภาพในด้านเทคโนโลยี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ทรงคุณค่าแก่สังคมอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคตอีกด้วย”
โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของ บริษัท ไบเออร์สด๊อร์ฟ (ประเทศไทย) และพันธมิตรที่สำคัญอย่างมูลนิธิอโชก้า ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสังคม (ประเทศไทย) และโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ จะช่วยกันเข้าไปพัฒนาห้องสมุดทั้งหมด 11 แห่งให้แก่โรงเรียนในชุมชนที่ขาดแคลนงบประมาณในการปรับปรุง โดยนอกจากจะช่วยซ่อมแซมหรือปรับปรุงบรรยากาศของห้องสมุดให้สวยงามแล้ว ยังมีการนำหนังสือและสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสมและทันสมัยอย่างสื่อการเรียนรู้แบบอินเตอร์แอคทีฟ, อี-บุ๊ค, คอมพิวเตอร์ และระบบการยืม-คืนหนังสือในห้องสมุดเข้าไปติดตั้ง เพื่อกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนเกิดความสนใจในการเข้าไปค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตนเอง ผ่านการเรียนรู้ใหม่ในโลกดิจิทัลที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการศึกษาในปัจจุบัน โดยความร่วมมือครั้งนี้ได้วางเป้าหมายเพื่อเข้าถึงเด็กและเยาวชนอย่างน้อย 8,000 คน ภายในปีพ.ศ. 2568
คุณสินี จักรธรานนท์ ประธานมูลนิธิอโชก้า ผู้ริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อสังคม (ประเทศไทย) กล่าวว่า “อโชก้าเป็นสมาคมระดับโลกของ “ผู้ประกอบการสังคม” หรือผู้นำ กว่า 4,000 คน ที่กำลังสร้างนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาทางสังคมด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ สิทธิมนุษยชน เศรษฐกิจ และที่สำคัญคือการศึกษา ใน 90 กว่าประเทศทั่วโลก ศูนย์กลางของอโชก้าอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐอเมริกา เราสร้างความร่วมมือกับองค์กรภาคเอกชนและภาคประชาสังคมในภูมิภาคต่างๆ เพื่อสนับสนุนแนวความคิดและวิธีการใหม่ๆ ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ประชาชนมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้น เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบริษัท ไบเออร์สด๊อร์ฟ (ประเทศไทย) และโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ เพื่อพัฒนาโครงการที่นำแนวคิดใหม่และเทคโนโลยีทางด้านการศึกษา มาพัฒนาการเรียนรู้และทักษะชีวิตของเด็กและเยาวชนในชุมชน ให้เติบโตเป็นประชาชนที่มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข มีความรับผิดชอบและเป็นกำลังอันเข้มแข็งของสังคมไทยในอนาคต โครงการ “ห้องสมุดยุคใหม่ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้” ยังมุ่งมั่นที่สร้างโอกาสทางการศึกษาเรียนรู้ให้แก่ครู พ่อแม่ ผู้ปกครองและสมาชิกในชุมชน โดยเฉพาะเด็กหญิงและสตรีเพื่อให้พวกเขามีพลังความสามารถและร่วมกันพัฒนาชุมชนของตนเองให้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยที่ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนต่อไป”
คุณพัดชา มหาทุมะรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ กล่าวว่า “โครงการร้อยพลังการศึกษา เป็นการผสานความร่วมมือขององค์กรที่ทำงานด้านการศึกษาในด้านต่างๆ มาร้อยเรียงการทำงานเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเข้าถึง การพัฒนาคุณภาพ และการส่งเสริมทักษะชีวิต เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนและนักเรียนด้อยโอกาสในประเทศไทย ดังนั้น โครงการ “ห้องสมุดยุคใหม่ เพิ่มศักยภาพการเรียนรู้” จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งพลัง ที่เข้ามาช่วยเสริมการดำเนินการของร้อยพลังการศึกษาได้เป็นอย่างดี เพราะนอกจากเป็นการช่วยพัฒนาศักยภาพนักเรียนผ่านห้องสมุดและสื่อการเรียนรู้ออนไลน์แล้ว โครงการนี้ยังเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการทำงานแบบร่วมมือกัน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์เท่าทวีคูณแก่เด็กๆที่เป็นอนาคตของชาติเราต่อไป”
“นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่เราได้ร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างมูลนิธิอโชก้า ผู้ริเริ่มส้างสรรค์เพื่อสังคม (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลก และโครงการร้อยพลังการศึกษา โดยมูลนิธิยุวพัฒน์ ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาการศึกษาในประเทศอย่างจริงจัง พวกเราล้วนมีอุดมการณ์ร่วมกันในการสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพ ด้วยการวางรากฐานทางการศึกษาที่ดี เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นเกิดทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ได้ใช้ชีวิตที่มีคุณภาพ สามารถเลี้ยงดูตนเอง พัฒนาชุมชน และต่อยอดสู่การสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงการพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศต่อไป” คุณสเตฟานี แบร์โรล รองประธานกรรมการอาวุโส ภูมิภาคอาเซียน บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ กล่าวปิดท้าย
และสิ่งนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและพันธกิจของไบเออร์สด๊อรฟ ที่มากกว่าการดูแลผิวที่ดีให้กับผู้คน แต่เรายังต้องการจะส่งเสริมและสร้างสรรค์ระบบนิเวศแห่งความยั่งยืนให้กับสังคมและชุมชนต่าง ๆ ให้เข้าถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นได้อย่างเท่าเทียมอีกด้วย โดยเฉพาะกลุ่มสตรี เด็กและเยาวชน ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการมากมายมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการเพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่เด็กและเยาวชน ที่มีความสำคัญต่อการเติบโตของประเทศชาติต่อไปในอนาคต