‘ราช กรุ๊ป’ พร้อมนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าเทรดวันที่ 24 มิ.ย.นี้ เพิ่มศักยภาพและความเข้มแข็งฐานะทางการเงิน รองรับแผนขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ขยายการเติบโตสู่ผู้นำพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 10,000 เมกะวัตต์ และมูลค่ากิจการเป็น 200,000 ล้านบาท ภายในปี 2568
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมนำหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 725,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 10 บาท ที่ได้ออกและเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยไม่จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (PPO) ในอัตราส่วนการเสนอขาย 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญที่ออกใหม่ ในราคาหุ้นละ 34.48 บาท ในวันที่ 6-10 มิถุนายน 2565 ที่ผ่านมา โดยเตรียมนำหุ้นเพิ่มทุนเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 24 มิถุนายน 2565
เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมว่าเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งด้านฐานะทางการเงิน พร้อมรองรับแผนงานขยายธุรกิจทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศอินโดนีเซีย การชำระหนี้และเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั่วไป และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ เพื่อสร้างความเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
“การใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยเฉพาะการสนับสนุนจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ในสัดส่วน 45% ซึ่งได้ใช้สิทธิเพิ่มทุนเต็มจำนวนตามสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,250 ล้านบาท ซึ่งการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจของกลุ่ม RATCH ให้มีความคล่องตัวและประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายในอนาคต” นางสาวชูศรีกล่าว
ทั้งนี้ RATCH ได้วางยุทธศาสตร์ขยายการเติบโตสู่ผู้นำพลังงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเป็น 10,000 เมกะวัตต์ และผลักดันมูลค่ากิจการเป็น 200,000 ล้านบาทภายในปี 2568 ผ่านแผนขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นโครงการด้านพลังงานหมุนเวียน โครงการระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ธุรกิจบริการสุขภาพ และธุรกิจอื่นหรือธุรกิจคาร์บอนต่ำที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงในระยะยาว เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ด้วยสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวนั้นจะมุ่งเพิ่มสัดส่วนกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่ 15% เพิ่มเป็น 25% ของกำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ หรือ 2,500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 4,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2578 หรือคิดเป็น 40% ของกำลังการผลิตไฟฟ้า 10,000 เมกะวัตต์ ให้เป็นไปตามโรดแมปที่วางเอาไว้อย่างชัดเจน สอดคล้องกับเทรนด์ของโลกที่ต้องการพลังงานสะอาดมากขึ้น