ซีออยล์ตั้งเป้าปริมาณการขายน้ำมันปีนี้โตกว่า20% และธุรกิจE&Pมั่นใจมีการผลิตและจำหน่ายน้ำมันดิบไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 8-9แสนบาร์เรล แย้มศึกษาแผนขยายการลงทุนในธุรกิจE&Pเพิ่ม
นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีออยล์ จำกัด (มหาชน)(SEAOIL) เปิดเผยว่า ในปี2565 บริษัทตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า20%จากปีก่อน มาจากธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมัน(เทรดดิ้ง)ทั้งในและต่างประเทศขยายตัวขึ้น รวมทั้งธุรกิจการให้บริการด้าน Catering & Service ก็ขยายตัวด้วย
ส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม(E&P) บริษัทไม่ได้รับรู้รายได้ แต่รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทแพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด (POES) ที่ดำเนินการในแปลงสัมปทานบนบก L53/48 (ซีออยล์ถือหุ้น49.99% ) โดยปีนี้มั่นใจว่าธุรกิจE&Pจะมีปริมาณการขายน้ำมันดิบมากกว่าปี2564ที่มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดิบที่ 8-9แสนบาร์เรล/ปี
ดังนั้นจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้นส่งผลดีต่อธุรกิจE&P ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจเทรดดิ้งน้ำมันนั้นการปรับขึ้นหรือลงของราคาน้ำมันไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเนื่องจากบริษัทบริหารจัดการแบบCost Plus จึงไม่กระทบมาร์จิน แต่จะมีผลต่อความต้องการซื้อขายน้ำมันในตลาดมากกว่า
นางสาวนีรชา กล่าวถึงแผนการลงทุนเพิ่มเติมว่าบริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจเทรดดิ้ง และE&P ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตลาดและงบการลงทุนเพื่อพิจารณาว่าธุรกิจใดจะให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ผลการดำเนินงานในไตรมาส1/2565 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขาย และบริการ รวม จำนวน 4,372.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.15 %เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่สูงขึ้น จากการขยายตลาดน้ำมันส่งออกไปยังต่างประเทศ และการขยายตลาดใหม่ในทวีปเอเชีย รวมถึงรายได้จากการให้บริการด้าน Catering & Service ที่เพิ่มขึ้นด้วย
โดยบริษัทฯ และบริษัทย่อย รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า แพน โอเรียนท์ เอ็นเนอยี่ (สยาม) ลิมิเต็ด จำนวน 101.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68.30 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 208.23 %เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก เพิ่มขึ้นถึง 65 %เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 103.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 594% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน