xs
xsm
sm
md
lg

“วัตสัน” ปักธง 1,000 สาขา พ.ศ. 2572 ปั้นเดอร์มาแอคชั่นลุยสกินแคร์ผู้ชาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย รุกตลาดรีเทลครึ่งปี 2022 ชูกลยุทธ์ O+O Platform (Offline plus Online) เชื่อมต่อประสบการณ์การชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ พร้อมเดินหน้าเป็น The best of “both worlds” ยกระดับประสบการณ์การชอปปิ้งทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ครอบคลุมการซื้อสินค้าในทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคดิจิทัล ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาด Health & Beauty รวมไปถึงการเสนอแนวคิด 'The New Beautiful' นิยามความงามรูปแบบใหม่ สนับสนุนในทุกความสวยงาม ยอมรับในทุกความต่าง ก้าวข้ามมาตรฐานความงามแบบเดิมๆ (beauty standard) เพื่อปลุกความมั่นใจให้กับทุกลุคที่เป็นตัวเอง เสริมสร้างพลังและศักยภาพ ให้ตัวเอง Look Good. Do Good. Feel Great. เปล่งประกายความมั่นใจจากภายในสู่ภายนอก

นายพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปี 2565 นี้จะมีร้านวัตสันเปิดบริการในไทยประมาณ 700 สาขาทั่วประเทศ โดยปีนี้จะเปิดเพิ่มประมาณ 50 สาขา ซึ่งเป็นไปตามการลงทุนต่อเนื่องที่จะเปิดสาขาใหม่เฉลี่ยปีละ 50 สาขา ซึ่งคาดว่าอีก 6-7 ปีจะมีร้านวัตสันครบ 1,000 สาขาในไทยแน่นอน

“ตอนนี้เราลงลึกถึงระดับอำเภอ ระดับตำบลแล้วในบางจังหวัด มีเพียง 2 จังหวัดเท่านั้นที่เรายังไม่ได้เปิดร้านวัตสัน คือ อุทัยธานีกับหนองบัวลำภู และเมื่อเร็วๆ นี้เราก็เพิ่งเปิดคลังสินค้าแห่งใหม่ที่จังหวัดขอนแก่น เป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดภาคอีสาน ส่วนจากนี้จะมีลงทุนคลังสินค้าใหม่ที่ไหนอีกหรือไม่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้”

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนยอดขายนั้นยังคงมาจากช่องทางร้านสาขาหรือออฟไลน์เป็นหลักแม้จะมีปริมาณสินค้าที่น้อยกว่าคือประมาณ 6,000 เอสเคยูเท่านั้น ขณะที่ช่องทางออนไลน์มีสินค้ามากกว่าคือมีประมาณ 16,000 เอสเคยู แต่สัดส่วนรายได้ยังน้อยอยู่มาก แต่ก็มีการเติบโตที่ดี
 
ล่าสุดบริษัทได้รุกเข้าสู่ตลาดสินค้าสกินแคร์สำหรับผู้ชาย ด้วยแบรนด์ตัวเอง คือ เดอร์มาแอคชั่น (Dermaction) มี 4 เอสเคยูในเบื้องต้นนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาทต่อชิ้น


“ในช่วงครึ่งหลังปี 2022 เรายังคงสานต่อพันธกิจ เติมเต็มรอยยิ้มให้ลูกค้าจากวันนี้สู่วันพรุ่งนี้และในทุกๆ วัน โดยผลักดันกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลด้วยความเข้าใจ พร้อมปลุกแนวคิด “The New Beautiful” กับนิยามความงามรูปแบบใหม่ที่เปิดรับคุณค่าความสวยงามอันหลากหลายของผู้คน สะท้อนรูปลักษณ์ บุคลิกภาพและความมั่นใจโดยไม่จำกัดเพศ วัย ไลฟ์สไตล์และรูปแบบการใช้ชีวิต ผลักดันให้ผู้บริโภคก้าวข้ามภาพจำ Beauty Standard แบบพิมพ์นิยม และส่งเสริมคุณค่าความงามที่เป็นตัวเอง ให้ตัวเอง Look Good. Do Good. Feel Great เปล่งประกายความมั่นใจจากภายในสู่ภายนอก

ในส่วนของวัตสันเอง มุ่งมั่นส่งเสริมให้ทุกคนเห็นคุณค่าและความงามตามแบบฉบับและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล ผ่านสินค้าและบริการด้านสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆ พร้อมส่งต่อแรงบันดาลใจกับแนวคิด The New Beautiful เพื่อความงามที่หลากหลายต่อไป”

“นอกจากนี้ วัตสัน ยังคงสานต่อบทบาทในฐานะร้านสุขภาพและความงามอันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์ O+O Platform เน้นสร้างประสบการณ์ไร้รอยต่อหน้าร้านและออนไลน์ ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ชอปปิ้งได้ทุกช่องทาง จากทุกที่ ทุกเวลา โดยลูกค้าที่ใช้จ่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ (O+O) มีการใช้จ่ายมากกว่าลูกค้าที่ซื้อเฉพาะหน้าร้านถึง 3 เท่า โดย 3 อันดับของหมวดหมู่สินค้าที่มีการเติบโตทางออนไลน์มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ Haircare, Health & Fitness และ Derma Skincare และจากกลยุทธ์ O+O Platform ทำให้เรามั่นใจเดินหน้าเพื่อเตรียมขึ้นแท่นเป็น The best of “both worlds” ที่เชื่อมต่อสุดยอดประสบการณ์การชอปปิ้งจากทั้งหน้าร้านและวัตสันออนไลน์ โดยตั้งเป้าสร้างมาตรฐานสูงสุดอย่างต่อเนื่องในตลาดด้านสุขภาพและความงามที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคปัจจุบัน”

“สำหรับประสบการณ์การชอปปิ้งรูปแบบใหม่ที่จะติดอาวุธให้วัตสัน ประเทศไทย มีสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดและแน่นแฟ้นมากขึ้นนั้น เรายังคงมุ่งเน้นการให้บริการแบบ Customer Obsessed ในการตอบสนองความพึงพอใจและสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการจับจ่ายของลูกค้าที่สามารถใช้บริการของวัตสันได้ทุกที่ทุกเวลา เพิ่มเติมจากบริการ Chat & Shop ที่มี 350 สาขา นอกเหนือจากนี้ ที่ผ่านมาเราได้จับมือกับ Food Panda รุกตลาด Quick Commerce เพื่อเติมเต็มความต้องการลูกค้าที่มองหาความสะดวก รวดเร็ว และสามารถชอปได้ตลอดเวลาตามความต้องการ หรือการจับมือพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจกับ SkinX แพลตฟอร์มพบแพทย์ผิวหนังออนไลน์แบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบริการให้คำปรึกษาด้านผิวพรรณจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าสามารถรับยาได้ที่วัตสันได้ง่ายขึ้น”


นายพสิษฐ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับสมาชิกวัตสันในประเทศไทย ปัจจุบันเรามีจำนวนสมาชิกกว่า 7 ล้านคนทั่วประเทศ และวัตสันจะยังคงเดินหน้าเติมเต็มรอยยิ้มให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเราพบว่าผู้บริโภคชาวไทยมีความพร้อมในการเข้าสู่ไลฟ์สไตล์การชอปปิ้งผ่านโลกออนไลน์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเห็นได้จากการใช้ Member Virtual Card ผ่านแอปฯ Watsons TH ที่รับเสียงตอบรับที่ดีจากสมาชิกวัตสันอย่างมีนัยสำคัญ และในเร็วๆ นี้วัตสันได้เตรียมยกระดับสร้างประสบการณ์ชอปปิ้งให้กับเหล่าสมาชิกทั้งในแง่ของประสบการณ์ใหม่ๆ และในแง่ความคุ้มค่าเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันมากขึ้น”

“ในส่วนผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของวัตสันนั้น (Watsons Own Brand) เราไม่เคยหยุดนิ่ง และยังคงเดินหน้านำนวัตกรรมต่างๆ มาปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มผู้บริโภค และแนวโน้มความต้องการของตลาด อันได้แก่ การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ยืนหยัดด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ในราคาที่คุ้มค่าและจับต้องได้ พร้อมกับเพิ่มพื้นที่ให้กับตลาดที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้วัตสันให้ความสำคัญต่อตลาดการดูแลผิวและความงามสำหรับผู้ชายมากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนไป คำว่าสุขภาพและความงาม และการดูแลตนเองให้ดี ยุคนี้มีลูกค้าผู้ชายที่ใส่ใจภาพลักษณ์เเละดูแลตัวเองเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก”

“และเพื่อเป็นการขานรับกับนโยบายระดับโลกในด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมตาม 'Social Purpose and 2030 Sustainability Vision' ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์และพันธกิจสำคัญของ A.S. Watson Group เรายังคงให้ความสำคัญด้าน Look good. Do good. Feel great” โดยตอกย้ำด้าน Do good ผ่านผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนที่เรียกว่า Sustainable Choices ซึ่งเป็นสินค้าทางเลือกใหม่ โดยเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายปี 2020 ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องการเฟ้นหาส่วนผสมที่ดีกว่า บรรจุภัณฑ์ที่ดีกว่า ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพผ่านการทดสอบและผ่านขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของแบรนด์ในการดำเนินธุรกิจที่มีความยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมในพันธกิจนี้กับบุคลากร และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจต่างๆ ในการเดินทางไปบนเส้นทางแห่ง Sustainability ร่วมไปกับเราอีกด้วย”

“สุดท้ายนี้ สำหรับกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ ที่ วัตสัน ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การจำหน่ายโบสีเขียว ภายใต้แคมเปญ “Watsons Green Ribbons” ซึ่งจัดขึ้นอย่างเป็นประจำต่อเนื่องทุกปีเป็นเวลา 16 ปีเพื่อมอบเงินรายได้ให้แก่สมาคมส่งเสริมสถานภาพสตรีฯ เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนเด็กและสตรีที่ประสบปัญหาทั้งร่างกายและจิตใจในประเทศไทย ตลอดจนแคมเปญ Give a Smile ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการผ่าตัดให้เด็กที่มีความผิดปกติด้านปากแหว่งเพดานโหว่ โดยในปัจจุบันสามารถคืนรอยยิ้มสู่เด็กๆ เหล่านี้ได้มากกว่า 33 คนแล้ว วัตสันจะยังคงมุ่งมั่นสร้างรอยยิ้มให้แก่ลูกค้าทุกคนอย่างเท่าเทียม รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้ทุกคนดูดี ตระหนักในคุณค่าของตัวเอง รู้สึกดีต่อตนเอง คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมไปด้วยกันกับเรา” นายพสิษฐ์กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น