•ศรีนานาพร มาร์เกตติ้ง จำกัด (มหาชน) ยักษ์ใหญ่วัยเก๋า เจ้าของแบรนด์ดัง เบนโตะ เจเล่ โลตัสน่องไก่ เมจิกฟาร์ม และอีกมากมาย
•คุณวิโรจน์ วชิรเดชกุล (รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานธุรกิจในประเทศ) เผย การทำ consumer research ที่แม่นยำ และความเข้าใจผู้บริโภค คือ หัวใจสำคัญของการเติบโตตลอด 30 ปี
1.อะไรคือ key success ที่ทำให้ผลประกอบการของ SNNP ในปี 2021 โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อแรกเลยนะครับ สำหรับธุรกิจ FMCG การวางแผนระยะยาวเป็นสิ่งสำคัญมาก การออกผลิตภัณฑ์สินค้าใหม่ๆ ต้องมีการทำ consumer research เพื่อค้นหาความต้องการของผู้บริโภค ดังนั้น ผลประกอบการของปี 2021 คือผลของการทำการบ้านอย่างหนักตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ประกอบกับความโชคดีของบริษัท คือเรามีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายทั้ง snack และ beverage ไม่ว่าจะเป็น เบนโตะ เจเล่ เมจิกฟาร์ม โลตัส และแบรนด์รองๆ ไปอีก 20-30 แบรนด์ ฉะนั้น ในฤดูกาลที่เป็น low season ของ snack เราก็มีสินค้าตัวอื่นที่มารองรับ ทำให้ผลประกอบการเราค่อนข้างจะดีอยู่ตลอด
ข้อสอง เนื่องจากบริษัทเรามีสินค้าที่เป็น market leader คือ เบนโตะ กับ เจเล่ ฉะนั้น เราทำกิจกรรมทางการตลาดมาต่อเนื่องนะครับ สินค้าของคนไทยที่มี market share เป็น market leader ถึง 70% ขึ้นไป ผมมองในตลาดแล้วไม่มี และทั้งสองประเภทนี้อยู่ในบริษัทเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเราปลูกพืชออกมาแล้ว วันนี้มันโต ปีที่ผ่านมา ผลประกอบการจึงโตก้าวกระโดด อันนี้คือ step แรกนะครับ เดี๋ยวผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2022 ออกมา คาดว่าน่าจะดีกว่าของปี 2021 ด้วยซ้ำ
2.จุดเด่นที่ทำให้ SNNP แตกต่างจากคู่แข่งในตลาดคืออะไร
จุดเด่นชัดๆ เลยคือ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทของคนไทย ผู้บริหารอยู่ในธุรกิจนี้มา 30 ปี รู้ความต้องการของผู้บริโภค รู้ความต้องการของผู้ค้าปลีก-ผู้ค้าส่ง แนวทางในการพัฒนาสินค้า อันนี้คือข้อแรกเลยครับ สำคัญมาก ผลิตภัณฑ์ของบริษัทออกมาแล้ว ทุกคนที่ได้ทาน จะรู้สึกว่าอร่อย กลมกล่อม และปลอดภัย นี่คือจุดแข็งในการพัฒนาสินค้า ซึ่งเรายึดมั่นมาตั้งแต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วนะครับ และวันนี้ก็ยังเป็น generation เดียวกัน พอถึงจุดๆ หนึ่ง บริษัทสามารถมี market share สูงสุด เมื่อสินค้าติดตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การใช้งบส่งเสริมการตลาด ก็จะทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น
Phase ที่สอง คือช่วงที่เรามีความตั้งใจว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเราต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง นำมืออาชีพ นำประสบการณ์ของหลายๆ ฝ่ายเข้ามาบริหาร คนที่เคยสัมผัสบริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) มาก่อน จะเห็นชัดเจนว่าทีมบริหารปัจจุบันมีกระบวนการทำงานเปลี่ยนไปจากในอดีต เราเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในอนาคต
เคยมีคนพูดว่า สมัยนี้ปลาใหญ่มักสู้ปลาเล็กไม่ได้ เพราะปลาเล็กมันปรับตัวได้ไวกว่า แต่อีกมุมที่ผมมองว่าสำคัญมากก็คือ consumer product ที่วางตลาดมา สมมุติว่ามี 100 ผลิตภัณฑ์ อาจจะประสบความสำเร็จแค่ 5 ผลิตภัณฑ์ ฉะนั้น นอกจากปลาใหญ่สู้ปลาเล็กไม่ได้แล้ว แนวคิดในการวางสินค้า การทำ research เพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคต้องแม่นยำ การตีโจทย์ของผู้บริโภคมาเป็นผลิตภัณฑ์ต้องดี
3. แผนการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในปี 2022 เป็นอย่างไร
เริ่มต้นเลย เราประสบความสำเร็จจากการวางสินค้าตัวใหม่ คือ “เจเล่ชิววี่” โดยเราจับกลุ่มเป้าหมายประมาณเด็กประถมปลาย – มัธยมต้น ซึ่งเป็นการทำให้เขารู้จักสินค้าเจเล่ตั้งแต่เด็ก เพราะเรามี “เจเล่คัพ” “เจเล่เฟรชชี่” และ “เจเล่บิวตี้” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เน้นกลุ่มผู้ใหญ่แล้ว ฉะนั้น เจเล่ชิววี่จึงออกมารองรับ และเราก็ประสบความสำเร็จ ค่อนข้างดีเลย ตัวที่สอง ที่เราคิดว่าน่าจะประสบความสำเร็จ คือ “โลตัสหนังไก่” สิ่งที่ผมตีโจทย์ ข้อหนึ่ง คือ สินค้าตัวนี้ต้อง hygiene สะอาด ไขมันน้อย ข้อสอง คุณสามารถหาซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะมีวางจำหน่ายใน convenience stole
ไฮไลท์ สำคัญของสินค้าเราอีกตัวคือ เราเป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวในประเทศไทยที่ออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกัญชงและกัญชา เราออก “โลตัสน่องไก่ผสมใบกัญชาและเมล็ดกัญชง” สรรพคุณในเมล็ดกัญชง คือมีโปรตีนสูงมากนะครับ ซึ่งคนไทยยังรู้น้อย เราเองต้องทำการบ้านหนักเพื่อ educate ผู้บริโภคให้เข้าใจว่าสินค้าตัวนี้มีประโยชน์นะ อีกผลิตภัณฑ์ที่ผมคิดว่าไฮไลท์มากคือ “เมจิกฟาร์มผสมน้ำใบกัญชา” ตอนนี้เราก็ผลิตไม่ทันขายเพราะเป็นช่วงหน้าร้อนนะครับ ส่วนในอีก 3 ไตรมาส เรามีวาง pipeline สินค้าไว้หมดแล้ว แคมเปญต่างๆ หรือแม้แต่การทำหนังโฆษณาใหม่ สิ่งสำคัญที่จะเป็นไฮไลท์ของไตรมาส 3 คือ เราจะวางตลาดสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เยลลี่ผสมน้ำใบกัญชาและ CBD อันนี้จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญแน่ๆ และปลายทางก็คือ เราจะออกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในกลุ่มเยลลี่ ทุกวันนี้ผู้บริโภคหลายท่านเวลาไปซื้ออาหารเสริมในห้างสรรพสินค้า ก็มักจะได้ยินสรรพคุณแบบปากต่อปาก แต่เราจะทำให้มันเป็นจริง โดยพวกเรา และมันจะเห็นผลจริงๆ เพราะอยู่ในธุรกิจนี้มา 30 ปี สินค้าเจเล่ทุกตัวมีวิตามินหมด มีคุณสมบัติหมด นั้นคือ new S curve ในอนาคตเรานะครับ
4. แผนการตลาดในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันเรามีสินค้าวางจำหน่ายทั้งหมด 35 ประเทศ ใน 5 ทวีป โดยเป็นโมเดลแบบที่เรามี local distributor เป็นผู้นำสินค้าเราไปวางตลาด ขณะเดียวกัน เราก็มีโมเดลที่สอง คือเราไปตั้งโรงงานเองที่กัมพูชา และเวียดนาม คาดว่าช่วงราวๆ ปลายไตรมาส 2 ต้นไตรมาส 3 นี้ โรงงานที่เวียดนามจะสร้างเสร็จ เราอยู่ในตลาดนี้มามากกว่า 10 ปี เรามั่นใจว่าผู้บริโภครู้จักสินค้าเรา หลังจากนั้นใน medium term เรามีแนวคิดที่จะเข้าไปตั้งโรงงานในอินโดนีเซีย สำหรับตอนนี้เรามี local distributor ที่บริหารจัดการสินค้าเรา เป็น chain convenience stole ที่มีนับหมื่นสาขา เหมือน 7-11 บ้านเรา ส่วนอีกตลาดที่สำคัญมากคือ จีน สำหรับวันนี้ตัวเลขในจีนของเรายังมีน้อยมาก แต่ในอนาคต รับรองว่ามโหฬาร ฉะนั้น ธุรกิจเราปัจจุบัน 80 เปอร์เซ็นต์อยู่ในประเทศไทย อีก 20 เปอร์เซ็นต์อยู่ในต่างประเทศ วันนึงธุรกิจในต่างประเทศมันจะมากกว่าในประเทศ ณ วันนี้ธุรกิจเรา 4 พัน 5 พันล้านนะครับ แต่ถ้ามีธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นมาอีก ผมคิดว่าหมื่นล้านเนี่ย ได้เห็นเร็วๆ นี้แน่ และมันจะเป็นความภาคภูมิใจของศรีนานาพรมากๆ จากบริษัทคนไทย กลายเป็น regional hub และมันจะเป็น worldwide
ทุกวันนี้ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำการตลาดในต่างประเทศมากนะครับ ศิลปินเกาหลี หากมาประเทศไทย ถ้าคุณอยากจับมือเขา คุณถือซองเบนโตะไป เขาจะเดินมาจับมือคุณ ศิลปินไทยที่ดังในเกาหลี กลับมาเมืองไทยงวดที่ผ่านมา หิ้วเบนโตะไปฝากเพื่อนๆ ในวง ถ้าคุณเป็นแฟนคลับของศิลปินเกาหลี คุณจะเห็นเลยว่าเขาโพสต์เบนโตะให้ผมฟรีมาตลอดเลย เบนโตะเป็นสินค้า 1 ใน 5 ที่นักท่องเที่ยวมาไทยแล้วต้องซื้อกลับนะครับ
5.ศรีนานาพรอยู่คู่กับสังคมไทยมานานกว่า 30 ปี คุณมีแนวคิด หรือวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืน (Sustainability) อย่างไร
ความยั่งยืนขององค์กร หรือแม้แต่ด้านอื่นๆ หลายอย่าง อยู่ที่บุคลากรครับ บริษัทเรามีพนักงาน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติรวมไม่ต่ำกว่า 3,000 คน ทำไมหลายๆ ท่านสามารถทำงานและอยู่ที่นี่ได้ เพราะเราให้ความสำคัญกับบุคลากรมาก่อน บุคลากรคือสิ่งสำคัญในการพัฒนาและต่อยอดองค์กร เมื่อพวกเขาได้รับการเทรนที่ดีและมีความรู้ การต่อยอดเรื่องความยั่งยืนในหมวดต่างๆ มันก็จะดีขึ้น แม้กระทั่งการทำ CSR การพัฒนาสิ่งแวดล้อมในโรงงาน เช่น ล่าสุดผมทำ Solar rooftop ที่โรงงาน เปลี่ยนเครื่องจักรเพื่อลดการสูญเสีย สิ่งเหล่านี้ทำให้องค์กรยั่งยืนครับ แต่สุดท้ายแล้ว รากของมันจริงๆ คือ บุคลากรครับ
6.Core value ที่คุณและบุคลากรยึดเป็นหลักในการทำงาน
สินค้าทุกตัวของบริษัท ลูกหลานเราหยิบไปทานแล้ว ต้องปลอดภัย นั่นคือข้อที่หนึ่ง ข้อสองคือต้องอร่อย รสชาติดี และสุดท้ายต้องมีประโยชน์ นี่คือ Core value ของเรา ซึ่งเมื่อมันแข็งแรง มันก็แสดงออกมาทาง product แล้ว product ก็มาจากการทำ consumer research ที่ดี สินค้าทุกตัวที่เราวางจำหน่ายในตลาดทั้งไทยและต่างชาติ เรา “always” ทำ consumer research เพื่อให้รู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร แล้วเราก็พัฒนาสิ่งนั้น เพราะฉะนั้น Core value นี้มันซึมอยู่ใน DNA ของทุกคนที่ก่อตั้งบริษัทนี้มาและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นครับ
(Advertorial)