xs
xsm
sm
md
lg

บางจากโกยกำไร Q1/65 ที่ 4.3 พันล้าน โตขึ้น 91%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บางจากฯ แจงไตรมาสแรกปี 2565 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 69,055 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 4,356 ล้านบาท โดยไตรมาสนี้มี Net Inventory Gain กว่า 2,900 ล้านบาท จากการบริหารจัดการสำรองน้ำมัน รวมทั้งสร้างสถิติใหม่ด้วยกำลังการกลั่นกว่า 122,000 บาร์เรลต่อวัน

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทบางจากฯ (BCP) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ของปี 2565 ว่า บริษัท บางจากฯ และบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 69,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 67 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ที่ 4,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 148 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 91 จากช่วงเดียวกันของปี 2564

ผลดำเนินงานที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนวิธีบันทึกเงินลงทุนใน OKEA เป็นบริษัทย่อยซึ่งเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เป็นต้นมา และจากกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันที่ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบและราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก อุปทานพลังงานที่ตึงตัวหลังสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน และการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันหลังความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมทั้งการทยอยผ่อนคลายมาตรการจำกัดกิจกรรมทางสังคมในหลายประเทศทั่วโลก เป็นผลให้ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาสแรกปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 96.21 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 17.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 36.00 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมี Net Inventory Gain (กำไรจากสต๊อกน้ำมันสุทธิ ปรับด้วยผลต่างจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า) ในไตรมาสนี้กว่า 2,900 ล้านบาท

ปัจจัยหนุนดังกล่าวยังส่งผลให้ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับตัวสูงขึ้น ทำให้โรงกลั่นบางจากฯ มีการปรับเพิ่มอัตรากำลังการผลิตจนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ก็ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่ปรับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 367 เมื่อเทียบกับปี 2564


ผลการดำเนินงานแต่ละกลุ่มธุรกิจในไตรมาส 1/2565 มีดังนี้ คือ กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 63 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 108 จากปี 2564 มี Inventory Gain 3,566 ล้านบาท ค่าการกลั่นพื้นฐานปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 3.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปและน้ำมันดิบอ้างอิง (Crack Spread) ของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยโรงกลั่นปรับเพิ่มอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยมาอยู่ที่ระดับ 122,100 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของกำลังการผลิตรวมของโรงกลั่น

ด้านธุรกิจการค้าน้ำมันโดย BCPT ปรับตัวดีขึ้นจากกำไรต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์กลุ่มน้ำมันเตาเกรดกำมะถันต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนความต้องการใช้น้ำมันเตาในกลุ่มเรือขนส่งปรับเพิ่มขึ้นตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว


กลุ่มธุรกิจการตลาด ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 338 จากไตรมาสก่อน โดยหลักมาจากราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่า ส่งผลให้มี Inventory Gain เพิ่มขึ้น และปริมาณการจำหน่ายรวมของธุรกิจตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 14 จากปี 2564 แม้ธุรกิจการตลาดจะยังคงได้รับผลกระทบด้านค่าการตลาดสุทธิ เนื่องจากต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก และบริษัทฯ ได้ให้ความร่วมมือกับภาครัฐโดยตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตรเพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน แต่ด้วยนโยบายการบริหารจัดการต้นทุนและการผลักดันยอดขายน้ำมันหล่อลื่นซึ่งมีค่าการตลาดสูงกว่า ส่งผลให้ค่าการตลาดรวมสุทธิต่อหน่วยปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน แต่ลดลงร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 196 จากไตรมาสก่อน และร้อยละ 214 จากปี 2564 โดยหลักมาจากการรับรู้กำไรก่อนหักภาษีจากการขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท Star Energy Group Holdings Pte. Ltd. (“SEGHPL”) 2,031 ล้านบาท การรับรู้การผลิตไฟฟ้าเต็มไตรมาสของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ชิบะ 1 ประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บีซีพีจีได้เปิด COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โคมากาเนะ ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญา 25 เมกะวัตต์ ทำให้ปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าฯ ในประเทศญี่ปุ่นทั้งสิ้น 59.7 เมกะวัตต์

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) ได้รับปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่มขึ้นของราคา B100 อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการปรับลดสัดส่วนการผสม B100 เพื่อตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลในประเทศ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 และมีกำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 41 ตามลำดับเทียบจากไตรมาสก่อน พร้อมทั้งรับรู้รายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (High Value Products (HVP) เช่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพ


กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ ปรับลดลงร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน แต่ปรับเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 1,000 จากช่วงเดียวกันของปี 2564 จากแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยหลักมาจากผลการดำเนินงานของ OKEA ที่มี EBITDA สูงขึ้นร้อยละ 401 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะมีปริมาณการจำหน่ายที่ลดลง เนื่องจากในไตรมาสนี้ไม่มีการจำหน่ายจากแหล่ง Ivar Assen และการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของแหล่ง Gjøa แต่มีปัจจัยบวกจากราคาขายเฉลี่ยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 367 จากปีก่อนหน้า ทั้งนี้ จากที่กลุ่มบริษัทฯ เปลี่ยนการบันทึกเงินลงทุนใน OKEA เป็นบริษัทย่อย ทำให้รับรู้ผลการดำเนินงานด้วยวิธีการจัดทำงบการเงินรวมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564

สำหรับในปี 2565 คาดว่า OKEA จะมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 18,500-20,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ซึ่งได้รวมผลของการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในแหล่ง Ivar Aasen จากร้อยละ 0.554 เป็นร้อยละ 2.777 ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2565

นายชัยวัฒน์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับไตรมาส 2 ของปีนี้ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงหนุนจากภาวะอุปทานน้ำมันดิบที่ตึงตัวอย่างมากจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่วนราคาน้ำมันใสยังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์น้ำมันที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากหลายประเทศทั่วโลกผ่อนคลายมาตรการเดินทาง ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นฯ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติและพัฒนาธุรกิจใหม่ อีกทั้งค่าการกลั่นพื้นฐานยังมีแนวโน้มที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้โรงกลั่นบางจากฯ ยังคงมุ่งเน้นรักษากำลังการกลั่นให้สูงอย่างต่อเนื่อง ด้านธุรกิจการตลาด ค่าการตลาดจะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการลดผลกระทบต่างๆ ตามแผนที่เตรียมไว้ แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก โดยบริษัทฯ ยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับแผนธุรกิจให้เหมาะสม เร่งการลงทุน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการผลักดันสังคมคาร์บอนต่ำ


กำลังโหลดความคิดเห็น