ผู้จัดการรายวัน 360 - “แอน JKN” นำทัพ JKN สู่ความเป็นเบอร์ 1 แห่งเซาท์อีสต์เอเชียทางด้านคอนเทนต์ คอมเมิร์ซ คอมปานี โหมหนักธุรกิจคอมเมิร์ซ ลุยขายสินค้าสุขภาพและความงาม เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ และเครื่องสำอาง ผ่านช่อง JKN18 เป็นหลัก ย้ำชัดไม่เน้นติดท็อป 3 ทีวีดิจิทัล แต่มุ่งรายได้และกำไรเป็นอันดับ 1 มากกว่า ประกาศทุ่ม 1,000 ล้านกว้านซื้อคอนเทนต์ทั่วโลกในราคาถูกสุดๆ รับตลาดเปิดอีกครั้งในปีหน้า ปูพรมสู่ 3-5 ปีจากนี้รายได้ทะลุ 5,000 ล้านบาทแน่นอน
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ แอน JKN เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2565 นี้ ทางบริษัทจะมุ่งสู่ความเป็นคอนเทนต์ คอมเมิร์ซ คอมปานี อันดับ 1 ของเซาท์อีสต์เอเชีย และระดับโลกในระยะต่อไป ด้วยการมุ่งมั่นใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ
1. การเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ทั้งส่งออกและนำเข้า 2. มุ่งเน้นผลิตอาหารเสริม เพื่อชีวิตที่ดีที่สุดของผู้บริโภค 3. สร้างสรรค์เครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ความต้องการของคนยุคนี้ 4. สร้างสรรค์ความสวยความงามในยุคที่ค่านิยมเปลี่ยนไป สู่เป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ที่ราว 2,100 ล้านบาท หรือโตขึ้นราว 15% จากปีก่อนปิดรายได้ไป 1,800 ล้านบาท พร้อมเป้าหมาย 5,000 ล้านบาทใน 3-5 ปีข้างหน้า
“ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ JKN คือเน้นการทรานส์ฟอร์ม ไม่รอดิสรัปชัน ล่าสุดคือการก้าวสู่ความเป็นคอนเทนต์คอมเมิร์ซคอมปานี ด้วยรูปแบบของคอนเทนต์มาร์เกตติ้งภายใต้กลุ่มสินค้าคอมเมิร์ซ 3 กลุ่มหลัก คือ สินค้าสุขภาพและความงาม เครื่องดื่ม และคอสเมติกที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 นี้ โดยใช้ช่องทีวี 3 ส่วนหลักมาขับเคลื่อนรายได้ คือ ช่องJKN18 ช่อง JKN-CNBC 24 ชม. ที่จะเปิดตัวในวันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป รับชมและติดตามได้ทาง AIS Play, เฟซบุ๊ก, ยูทูบ และทวิตเตอร์ รวมถึงช่องทางคอมเมิร์ซอย่าง JKN ไฮ ช้อปปิ้งที่ร่วมกับทาง ฮุนได ประเทศเกาหลี”
สำหรับในส่วนของช่อง JKN18 หลังเข้าซื้อช่อง 18 พบว่า 6 เดือนที่ผ่านมามีความนิยมเพิ่มขึ้น 60% และเข้าถึงผู้คนมากขึ้น 50% จากนี้จะมีการปรับผังและนำเสนอคอนเทนต์ที่หลากหลายรวม 8 กลุ่ม เช่น ข่าว กีฬามวย ซีรีส์อินเดีย ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ระดับโลก วาไรตีโชว์ และสารคดี เป็นต้น มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้ช่อง JKN 18 จะติดท็อป 10 จากทั้งหมด 15 ช่องทีวีดิจิทัล และจากปัจจุบันทิ้งห่างท็อป 10 เพียง 0.1% เท่านั้น
ทั้งนี้ ในแง่ของความนิยมทางทีวีแล้ว แอน JKN กล่าวด้วยว่า ไม่ได้เน้นเรื่องของการต้องติดอยู่ในท็อป 3 ของทีวีดิจิทัล หรือมีอันดับเป็นที่นิยมของผู้ชมแต่รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงขอเน้นและให้ความสำคัญต่อเรื่องของรายได้มากกว่า เห็นได้จากปัจจุบันถือเป็นทีวีเพียงช่องเดียวที่มีรายได้และกำไรมากที่สุด เมื่อเทียบกับทีวีดิจิทัลทุกช่อง
ส่วนในเรื่องคอมเมิร์ซนั้น ปีนี้จะเน้นเรื่องนวัตกรรมของกัญชงและกัญชามาเป็นสารสกัดสำคัญที่จะใส่อยู่ในสินค้าเกือบทุกตัว ไม่ว่าจะเป็น สินค้าสุขภาพและความงามไม่ต่ำกว่า 10 รายการ เช่น V Allin, C-Tria และ Herb Cordy รวมถึงเครื่องดื่มอย่าง Dragon X และ Tiger X และสินค้าเรือพิฆาตที่จะออกใหม่ในปีนี้ อย่าง To DA MOON เครื่องดื่มจากกัญชง ที่จะเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่อย่างเต็มกำลัง มั่นใจว่ารายได้จากกลุ่มคอมเมิร์ซจะมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 15-20% ในปีนี้
นายจักรพงษ์กล่าวต่อว่า ในส่วนของธุรกิจคอนเทนต์ซึ่งถือเป็นรายได้หลักนั้น ปีนี้พร้อมทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาทในการกว้านซื้อคอนเทนต์จากทั่วโลกเข้ามาเก็บไว้ ซึ่งปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ตลาดคอนเทนต์โลกซบเซาจากสถานการณ์โควิดนับจาก 3 ปีที่ผ่านมาที่ไม่มีการจัดงานโชว์เคสคอนเทนต์โลกเลย เจเคเอ็นมองเห็นโอกาสจึงได้กว้านซื้อมาในราคาที่ถูกมากกว่าปกติถึง 70% อีกทั้งยังซื้อได้ในรูปแบบของการซื้อแบบเหมาจ่าย และดีลการถือลิขสิทธิ์ที่ดีขึ้น จากปกติใช้เงินราว 800 ล้านบาทในการซื้อคอนเทนต์ ซึ่งในปีหน้าจะเหลือใช้เพียง 300 ล้านบาท เพราะตลาดเริ่มเปิด แต่เราเหมาซื้อไว้ก่อนแล้ว ถึงเวลาทำกำไร
จากแผนการดำเนินงานที่กล่าวมา เชื่อว่าการมุ่งเน้นคอมเมิร์ซในครั้งนี้มั่นใจว่าสัดส่วนรายได้ของคอมเมิร์ซจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือใน 3-5 ปีจะมีสัดส่วนที่ 50% เท่าๆ กันกับรายได้ของคอนเทนต์ โดยภายในปี 2568 บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้ก้าวกระโดดสู่ 5,000 ล้านบาทแน่นอน