xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยะ” กางผลศึกษาอุตฯ ไทยแกร่งฝ่าวิกฤตโควิด-19 เร่งยกระดับ 5 ด้านหนุนเติบโต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สุริยะ” กางผลศึกษาผลิตภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรมปี 2564 ยังแกร่งฝ่าโควิด-19 จากคุณภาพปัจจัยทุนและการบริหารจัดการ พร้อมเดินหน้าปี 2565 เสริมความเข้มแข็งภาคอุตสาหกรรมไทยหนุนเติบโตอย่างยั่งยืน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่รุนแรงในช่วงที่ผ่านมาสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงของผลิตภาพการผลิตอย่างใกล้ชิด โดยจากการสำรวจข้อมูลประจำปี 2564 ได้นำแบบแจ้งข้อมูลการประกอบกิจการโรงงานรายปี (ร.ง.9) มาวิเคราะห์ความสามารถในการผลิตและปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการภาคอุตสาหกรรม พบว่าในช่วง 3 ปีย้อนหลัง ผลิตภาพการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังมีความแข็งแกร่งจากคุณภาพปัจจัยทุนและการบริหารจัดการที่ขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยร้อยละ 0.34 และ 1.70 ต่อปี ตามลำดับ สะท้อนถึงคุณภาพปัจจัยทุนและการบริหารจัดการที่เป็นภูมิคุ้มกันหลักให้ผู้ประกอบการสามารถอยู่รอดได้ภายใต้สถานการณ์ที่ยากจะควบคุมของผลกระทบห่วงโซ่การผลิตโลกที่หยุดชะงักจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การที่จะรักษาความสามารถในการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมทั้งจากภาวะเศรษฐกิจโลก โรคระบาด หรือสงครามระหว่างประเทศในรูปแบบต่างๆ จำเป็นต้องสร้างความแข็งแกร่งในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมี 5 กลไกสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันอย่างต่อเนื่อง คือ 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน 2. การใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ/ กึ่งอัตโนมัติ 3. การบริหารจัดการด้านต้นทุนและการเงิน 4. การยกระดับการผลิตไปสู่รูปแบบการผลิตแบบรับจ้างออกแบบพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ (ODM) และการออกแบบพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของผู้ประกอบการ (OBM) ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงขึ้น และ 5. การลงทุนด้านเทคโนโลยีและวิจัยพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต การจัดการ และการสร้างนวัตกรรมในสินค้า มีการจดลิขสิทธิ์ หรือสิทธิบัตรต่างๆ ที่จะนำไปสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ได้ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงมากให้กับสินค้าและเศรษฐกิจของประเทศ

นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า สำหรับในปี 2565 สศอ.ได้วางแผนรองรับและจัดทำโครงการเพื่อสนับสนุนส่งเสริมผลิตภาพการผลิต และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย โดยดำเนินโครงการต่างๆ เช่น โครงการยกระดับสินค้าเกษตรสู่เกษตรอุตสาหกรรม โครงการสร้างนักพัฒนาผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ควบคู่กับการพัฒนาระบบการจัดการฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อยกระดับข้อมูลสารสนเทศด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมให้ทันต่อสถานการณ์ สนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“ปัจจัยสำคัญที่ประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและต่อเนื่องคือการเพิ่มศักยภาพของภาคอุตสาหกรรมไทย เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยการยกระดับมูลค่าเพิ่มในการผลิต และการปรับปรุงการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีต่ำไปสู่การใช้เทคโนโลยีสูง รวมทั้งพัฒนาขีดความสามารถของกำลังแรงงาน รองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี ควบคู่กับการลงทุนทรัพยากรทุนและบุคลากร ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างประสิทธิภาพในการพัฒนาอุตสาหกรรมเดิมและเชื่อมโยงกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อเป้าหมายพัฒนาภาคอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป” นายทองชัยกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น