xs
xsm
sm
md
lg

ค้าปลีก โรงแรม ลิงโลดรับการเปิดประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



การตลาด - ค้าปลีก โรงแรม ออกอาการลิงโลด หลังจากรัฐประกาศผ่อนปรนมาตรการโควิดมากขี้น โดยเฉพาะการเปิดทางให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยได้โดยไม่ต้องทำการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น กระตุ้นการจับจ่าย เดินหน้าร่วมผลักดันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย “ซีพีเอ็น” วาง 5 โรดแมป อัดโปรโมชันพร้อมรับอินบาวนด์ทัวริสต์ทั้งในและนอกประเทศ ส่วน “สยามพิวรรธน์” สร้างระบบนิเวศธุรกิจพรีเมียมระดับโลก รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้น “ดุสิตธานี” รีโนเวตโรงแรมรองรับ

ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ทราฟฟิกศูนย์การค้าในเครือมีปริมาณทราฟฟิกเพิ่ม 30% โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การค้าที่เน้นนักท่องเที่ยว หรือทัวริสต์มอลล์ ทั้งกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย เชียงใหม่ พัทยา ฯลฯ


*** ซีพีเอ็นเผยสาขาทัวริสต์มอลล์ทราฟฟิกพุ่ง
ตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แสดงให้เห็นว่าเป็นผลจากการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในช่วงไตรมาส 1/2565 (ม.ค.-มี.ค.) ขยายตัวสูงขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 444,039 คน ขยายตัว 2,101% และสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยว 34,173 ล้านบาท ขยายตัว 1,424% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2564

สำหรับตลาดในประเทศ - การเติบโตเป็นผลอานิสงส์จากเทศกาลสงกรานต์ และเข้าสู่ฤดูการท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก อย่างเมืองชายทะเล ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้นเป็นพิเศษ และนักท่องเที่ยวไทยเป็นจำนวนมาก ส่วนเมืองรอง มักเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยในประเทศ ที่เน้นการเดินทางที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า และเน้นเดินทางระยะใกล้มากขึ้นเพื่อประหยัดค่าน้ำมัน แสดงให้เห็นว่า ภาพรวมทราฟฟิกศูนย์การค้าของกลุ่มลูกค้าในประเทศกลับมาเป็นปกติแล้วอยู่ที่ 80% หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับก่อน COVID-19

ตลาดต่างประเทศ - ยอดอินบาวนด์ทัวริสต์เริ่มทยอยกลับเข้ามาชอปปิ้งในศูนย์การค้ามากขึ้น สูงขึ้นถึง 30% โดยเฉพาะในกลุ่มศูนย์การค้าที่เน้นนักท่องเที่ยว หรือ ทัวริสต์มอลล์ โดยนักท่องเที่ยว Top 3 ที่กลับมาในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ได้แก่ 1. รัสเซีย 2. เยอรมนี และ 3. สหราชอาณาจักร เชื่อว่าภาพรวมการท่องเที่ยวจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวได้ดี

โดยเริ่มมีสัญญาณที่ดีจากภาครัฐในการผ่อนปรน เริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ให้นักท่องเที่ยวเข้าไทยได้โดยไม่ต้องทำการตรวจ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ หากรัฐบาลเริ่มทยอยปลดล็อกมาตรการกักตัวต่างๆ เพิ่มขึ้นในช่วงกลางปี จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและเมืองท่องเที่ยวระดับโลกได้ เพราะเมืองไทยมีต้นทุนค่าท่องเที่ยวและค่าครองชีพ ยังถือว่าอยู่ระดับที่คุ้มค่าอย่างยิ่งต่อการเดินทาง และ มีทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งกว่าประเทศอื่นๆ

ล่าสุดหลายประเทศในอาเซียน เช่น เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย (เกาะบาหลี) และสิงคโปร์ ได้เริ่มทยอยปลดล็อกเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวแล้ว เชื่อว่าการเปิดประเทศในช่วงกลางปีจะทำให้เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยกลับมาพลิกฟื้นอีกครั้ง ทั้งนี้ ตัวเลขจาก ททท.คาดการณ์ว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยกว่า 7 ล้านคน โดยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 30% ของรายได้รวมปี 2562


*** เปิด 5 โรดแมปต้อนรับนักท่องเที่ยว

เซ็นทรัลพัฒนาวาง 5 โรดแมปต้อนรับนักท่องเที่ยวไทยและเทศ
1. พัฒนาไม่หยุด ด้วยทุกฟอร์แมตการชอปปิ้ง เดสติเนชันไทย ครบครันทั่วประเทศ
ด้วยการลงทุนต่อเนื่องเพื่อต่อจิ๊กซอว์การท่องเที่ยวไทยให้ครบครันด้วยชอปปิ้ง เดสติเนชัน โดยมีครบทุกฟอร์แมต เพื่อรองรับลูกค้าและนักท่องเที่ยวทุกประเภท เช่น
เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรี เอาต์เลต, เซ็นทรัล ภูเก็ต ลักชัวรี มอลล์ แห่งเดียวในเมืองท่องเที่ยวระดับโลกของไทย, เซ็นทรัลเวิลด์ - Global lifestyle destination แลนด์มาร์กจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก, ทัวริสต์ มอลล์ ในจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น เซ็นทรัล อยุธยา, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล เชียงใหม่, เซ็นทรัล สมุย เป็นต้น ซึ่งรวมทั้งหมดทั่วประเทศมากกว่า 15 สาขา

สำหรับศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ยังได้จัดโซนใหม่ต้อนรับนักท่องเที่ยว ทั้งการรีโนเวตโซนใหม่ อย่างโซน I (โซน ไอ), โซน Hug Thai Hug Craft จุดจำหน่ายสินค้าชุมชนและสินค้าของฝาก, ตลาดจริงใจมาร์เก็ต จุดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากเกษตรกรชุมชนทั่วประเทศ รวมถึงโปรแกรมต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในศูนย์การค้าฯ ต่างๆ ที่ถือเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

2. อัดโปรโมชันการร่วมมือกับสถาบันการเงินต่างๆ การร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ เช่น Visa, Master Card, JCB, Alipay, UnionPay เพื่อมอบสิทธิพิเศษต่างๆ และจัดทำโปรแกรมแบบอัดแน่นต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น รับฟรีของพรีเมียม, ส่วนลดเมื่อรับประทานอาหารที่ศูนย์อาหาร ส่วนลดจากห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล


3. การร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานต่างประเทศในการจัดทำ Fam Trip รวมถึง Co-Promotion ต่างๆ ทั้งที่เซ็นทรัล วิลเลจ เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว

4. การร่วมมือกับแพลตฟอร์มออนไลน์ “KLOOK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้ในการหาดีลพิเศษต่างๆ โดยมีศูนย์การค้าที่เข้าร่วม ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัล อยุธยา และเซ็นทรัล ภูเก็ต โดยเป็นการมอบทั้งของพรีเมียม ส่วนลด นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกันในการจัดทำ One-Day Trip กรุงเทพฯ-อยุธยา โดยทางบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้จัดเตรียมอำนวยความสะดวกพื้นที่จุด Pick Up & Drop Off ที่เซ็นทรัลเวิลด์ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถมาใช้บริการได้ รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆมากมาย นอกจากนี้ จะมี Klook Downtown Service Counter เคาน์เตอร์ให้บริการด้านการท่องเที่ยว
แบบครบวงจรจาก klook ซึ่งจะเปิดดำเนินการที่เซ็นทรัลเวิลด์เร็วๆ นี้

5. การร่วมมือกับร้านค้าในศูนย์การค้าฯ พันธมิตรโรงแรม และสายการบินชั้นนำ โดยจัดทำ Welcome Package ที่ประกอบด้วยส่วนลดจากร้านค้าชั้นนำมากมาย เช่น Disaya, Element 72, Lens & Time, OVV, RipCurl รวมถึงส่วนลดจากร้านอาหาร เช่น LT Fish Restaurant, ซาลาเปาโกอ้วน และศูนย์อาหาร เป็นต้น โดยร่วมมือกับพันธมิตรโรงแรมต่างๆ โดยรอบศูนย์การค้าฯ ให้จัดมอบ Welcome Package นี้เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเข้าพัก รวมถึงการร่วมมือกับสายการบินต่างๆ เช่น การบินไทย บางกอกแอร์เวย์ส แอร์เอเชีย เอมิเรตส์แอร์ไลน์ กาตาร์ แอร์เวย์ส คูเวตแอร์เวย์ และอื่นๆ เพื่อมอบสิทธิพิเศษต่างๆ อาทิ Welcome Pack ที่ประกอบด้วยส่วนลดจากร้านค้าในศูนย์การค้าฯ มูลค่ารวมกว่า 3,000 บาท เป็นต้น”

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อมั่นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาถือเป็นนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ที่จะเป็นหนึ่งในกลุ่มลูกค้าสำคัญที่จะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยและทุกภาคส่วนได้เป็นอย่างดี หากภาครัฐเร่งปลดล็อกการท่องเที่ยวในเดือนมิถุนายนนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าได้อย่างแน่นอน


*** “สยามพิวรรธน์” ลุยระบบนิเวศธุรกิจพรีเมียม

นายปานเทพย์ นิลสินธพ ประธานบริหารสายงานประสบการณ์ลูกค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์ Collaborate to Win ที่มีพันธมิตรและคู่ค้าครอบคลุมมากถึง 13 อุตสาหกรรมที่ร่วมสร้างระบบนิเวศแห่งความสำเร็จระดับโลกที่แข็งแกร่งและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ สยามพิวรรธน์จึงมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สำหรับพันธมิตรกลุ่ม Hospitality & Wellness เป็นธุรกิจที่มีสินค้าและบริการที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของสยามพิวรรธน์ให้ความสำคัญ ปัจจุบันจำนวนผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ชื่นชอบการท่องเที่ยวและกลุ่มที่ให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพกายใจมีเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมการจับจ่ายอย่างต่อเนื่อง

จากสถิติการเข้าชมคอนเทนต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และบทความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและความงาม ใน ONESIAM SuperApp คิดเป็น 65% ของการเข้าชมคอนเทนต์ทั้งหมด สะท้อนถึงความสนใจของสมาชิกที่พร้อมจะเป็นลูกค้าของบริษัทที่นำเสนอสินค้าและบริการในกลุ่ม Hospitality & Wellness


*** ดึงพันธมิตรมอบสิทธิประโยชน์
สยามพิวรรธน์จึงเฟ้นหาพันธมิตรที่สามารถมอบสิทธิประโยชน์และนำเสนอประสบการณ์เหนือระดับให้แก่สมาชิก ONESIAM SuperApp และลูกค้าศูนย์การค้า ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก ททท. โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ โรงแรมสยามเคมปินสกี กรุงเทพฯ RAKxa (รักษ) และ บีดีเอ็มเอส เวลเนสคลีนิก

นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “ททท.ได้วางยุทธศาสตร์พลิกโฉมการท่องเที่ยวของไทยในอนาคตให้เป็นไปอย่างมีคุณภาพ และยั่งยืน ภายใต้แคมเปญในประเทศ คือ เที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม โดยนำเสนอความพิเศษในการท่องเที่ยวผ่านเมนูประสบการณ์ที่มีคุณค่าเหนือราคา ภายใต้แนวคิด 3 Ex ได้แก่ Experience, Expectation และ Extraordinary ด้วยสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว 3 ประเภท ได้แก่ Nature to Keep, Food to Explore และ Thainess to Discover โดยกำหนดธีมสีและธีมนำเสนอเพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเดินทางท่องเที่ยวของแต่ละภูมิภาค

ทั้งนี้ ได้ประมาณการจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยว ปี พ.ศ. 2565 ตั้งเป้าการสร้างรายได้รวม 1.28 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 656,000 ล้านบาท (160 ล้านคน/ครั้ง) ตลาดต่างประเทศ 625,800 ล้านบาท (10 ล้านคน) ดันยอดรายจ่ายเฉลี่ยต่อคน 4,100 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวในประเทศ และ 62,580 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ดังนั้น การสื่อสารเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งเรามองเห็นว่าลูกค้าสมาชิกของศูนย์การค้าที่มีชื่อเสียงระดับโลกในกลุ่มสยามพิวรรธน์เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อพร้อมที่จับจ่ายและท่องเที่ยว จึงเป็นโอกาสดีที่ ททท.จะได้ร่วมนำเสนอคอนเทนต์เรื่องราวสตอรีเทลลิ่งดีๆ ผ่านแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp โดยมีเนื้อหาคอนเทนต์ที่ฝ่ายบริการการตลาดได้นำส่งให้สยามพิวรรธน์ เพื่อนำลงในแอปฯ One Siam สำหรับประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ด้านการท่องเที่ยว โดยได้มีคอนเทนต์ ดังนี้ 1. คอนเทนต์การท่องเที่ยวแบบ BCG และ RT 2. คอนเทนต์การท่องเที่ยวแบบ CBT 3. คอนเทนต์การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และ 4. unseen new series

นายมานพ โล่ห์บัณฑิตกุล ผู้อำนวยการฝ่ายขาย และการตลาด โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ กล่าวว่า “โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ เล็งเห็นว่ากลุ่มลูกค้าสมาชิก VIZ เป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เราให้ความสำคัญ และคาดว่าจะมีการสร้างยอดได้ผ่าน ONESIAM SuperApp โดยในช่วงแรกเน้นในการสร้างการรับรู้แบรนด์มากกว่าการสร้างยอดขาย เพื่อศึกษาพฤติกรรมความสนใจ ลักษณะนิสัยการใช้จ่ายหรือในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ซึ่งแน่นอนว่าคอมมูนิตีกลุ่ม Travel เป็นจุดที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด โรงแรมบันยันทรี กรุงเทพฯ ได้สร้างสรรค์เป็นแพกเกจห้องพัก รวมสปา หรือร้านอาหารในโรงแรม มานำเสนอให้กลุ่มลูกค้าสมาชิก และมอบประสบการณ์รับประทานอาหารบนเรือ Saffron Cruise ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิก VIZ ซึ่งจะได้รับเครื่องดื่ม Exclusive Drink ระหว่างรับประทานอาหารบนเรือ Saffron Cruise อีกด้วย”


นางชนิดาภา บูรณศิลปิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ กล่าวว่า การขยายความร่วมมือบนแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp ครั้งนี้จะมุ่งสู่ความสำเร็จและการก้าวไปอีกขั้น กลุ่มลูกค้าสมาชิก VIZ Card เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีไลฟ์สไตล์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าของโรงแรม โดยเฉพาะความสนใจการท่องเที่ยว, การรับประทานอาหาร และความงามและสุขภาพ ซึ่งเป็นคอมมูนิตีหลักบน ONESIAM SuperApp ซึ่งเราสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มคอมมูนิตีอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการห้องพักหรูในบรรยากาศรีสอร์ตเพื่อการสเตย์เคชันอย่างสมบูรณ์แบบ เอาใจกลุ่ม Travel ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์กลุ่ม Feast ด้วยการให้บริการประสบการณ์การรับประทานอาหารระดับมิชลินสตาร์ ณ ห้องอาหารไทยสไตล์โมเดิร์น สระบัวบาย กิน กิน หรือการให้บริการสปาระดับเวิลด์คลาส ณ เคมปินสกี้เดอะสปา

ONESIAM SuperApp จะช่วยเพิ่มยอดขายและเป็นช่องทางการขายที่มีประสิทธิภาพ เพิ่มเติมจากช่องทางการขายที่ทางโรงแรมมีอยู่ และเชื่อมั่นในศักยภาพของสยามพิวรรธน์ที่จะพัฒนาแพลตฟอร์มนี้ให้ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ทั้งนี้ สยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ได้คัดสรรโปรโมชันห้องพักอาหาร เครื่องดื่ม และสปา พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 65% ปรับเปลี่ยนทุกๆ ไตรมาส และยังมีสินค้าและบริการไฮไลต์ หรือ limited edition นำเสนอผ่าน ONESIAM Super App ที่เดียวเท่านั้น อย่างน้อย 1 ดีล ทุกๆ ไตรมาสอีกด้วย

แพทย์หญิง จิรา ถาวรประดิษฐ์ ผู้อำนวยการคลินิกรอยัลไลฟ์ กรุงเทพฯ, บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก กล่าวว่า “ในปี 2565 นี้ บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก ต้องการขยายกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่ กลุ่ม Young Gen ที่มีความใส่ใจและรักในการดูแลสุขภาพ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ส่งผลให้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพ ทั้งเรื่องอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร การพักผ่อนนอนหลับ การออกกำลังกาย รวมถึงการตรวจเช็กสุขภาพ กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็เช่นกัน เราจึงเข้าร่วมอีโคซิสเต็มของสยามพิวรรธน์ซึ่งมีฐานลูกค้ากลุ่ม Young Gen เป็นจำนวนมาก มอบส่วนลดพิเศษสำหรับสมาชิก VIZ, ส่วนลดพิเศษสำหรับวิตามินอาหารเสริม, และแพกเกจสุขภาพต่างๆ เช่น แพกเกจตรวจสุขภาพ แพกเกจตรวจคัดกรองโรค แพกเกจวิตามินเฉพาะบุคคล เป็นต้น และนำเสนอคอนเทนต์ให้ความรู้ เช่น ไลฟ์สไตล์สุขภาพ การนอนหลับอย่างมีคุณภาพ การรับประทาน Plant-Based และอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน


*** “ดุสิตธานี” รีโนเวตโรงแรมในเครือพร้อมรับ
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีมีความพร้อมสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทย หลังจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ซึ่งในช่วงที่การเดินทางยังไม่สามารถทำได้อย่างสะดวกจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กลุ่มดุสิตธานีได้ใช้ช่วงเวลาดังกล่าวปรับปรุงโรงแรมในกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน ที่เป็นโรงแรมที่เปิดให้บริการมายาวนานที่สุด เนื่องจากเชื่อมั่นว่าชายหาดหัวหินจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนึกถึงเป็นลำดับแรกๆ หลังจากเดินทางได้มากขึ้น

“เราใช้เวลากว่า 18 เดือนในการปรับปรุงโรงแรมที่เรียกว่าเป็นโฉมใหม่จริงๆ ทั้งในส่วนของห้องพัก และพื้นที่โดยรอบ รวมถึงเทวารัณย์สปาที่สงบ เพิ่มความเป็นส่วนตัว และการเปิดฟาร์มออร์แกนิก ส่วนไฮไลต์สำคัญที่พลาดไม่ได้สำหรับโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน คือ การเปลี่ยนแปลงร้านอาหารริมทะเลบาร์แอนด์กริลล์ เป็นห้องอาหาร “Nómada” (โนมาดา) ซึ่งเป็นห้องอาหารที่เปิดโล่งรับลมทะเล และเน้นเสิร์ฟรสชาติ ความสดใหม่จากทะเล

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของโรงแรมดุสิตธานี หัวหิน จะสร้างผลลัพธ์ที่เห็นอย่างชัดเจน 3 ด้าน ได้แก่ 1. ห้องพักในโรงแรมและพื้นที่ใช้งาน 2. อาหารและเครื่องดื่ม และ 3. กิจกรรมต่างๆ ที่มีความหลากหลาย ซึ่งทั้งหมดจะตอบโจทย์ที่จะทำอย่างไรให้ลูกค้าทุกเจเนอเรชันที่เข้ามาใช้บริการของโรงแรมสามารถสร้างประสบการณ์ร่วมกันได้มีความเชื่อมต่อกัน




กำลังโหลดความคิดเห็น