“ส.อ.ท.”เกาะติดปัญหาขาดชิปและชิ้นส่วนใกล์ชิดในรถยนต์บางรุ่นใกล้ชิดหวั่นบานปลาย ล่าสุดกระทบส่งออกเดือนมี.ค.วูบ 10.21% ส่งผลให้การผลิตเพื่อส่งออกลดลง แต่การผลิตรถมี.ค.อยู่ที่ 1.72 แสนคันได้อานิสงค์จากยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รถไฟฟ้า(BEV)ป้ายแดงเดือนมี.ค.ยังโตต่อ
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์เดือนมี.ค.65 มีทั้งสิ้น 172,671 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 6.25% โดยการผลิตที่เพิ่มขึ้นมาจากการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 32.16% เพื่อรองรับงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ที่จัดขึ้นปลายมี.ค.-ต้นเม.ย. และชดเชยวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ แต่การผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกยังคงลดลง 11.44% จากการผลิตรถยนต์นั่งที่ลดลงถึง 41.70 % เนื่องจากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ชิป)และชิ้นส่วนในรถยนต์บางรุ่น ดังนั้นส.อ.ท.คงจะต้องติดตามปัญหาดังกล่าวใกล้ชิดว่าจะกระทบการผลิตรถยนต์ในระยะต่อไปมากน้อยเพียงใด
“ การผลิตรถยนต์ 3 เดือนแรก 480,078 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียกันของปีก่อน 3.06% ผลิตเพื่อส่งออก 245,150 คันคิดเป็น 51.06% ของยอดผลิตทั้งหมดลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 9.44% ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 234,928 คันคิดเป็น 48.94% ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 20.39% เรายังคงเป้าหมายการผลิตรถยนต์ปีนี้ 1.8 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 8 แสนคัน ผลิตเพื่อส่งออก 1 ล้านคันจากปี 64 ที่ผลิตได้ 1.68 ล้านคันโดยจะขอติดตามปัญหาการขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนใกล้ชิด”นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับยอดขายรถยนต์ในประเทศมี.ค.65 มีทั้งสิ้น 87,245 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน 9.1% และ3เดือนแรก(ม.ค.-มี.ค.65 )มียอดขาย 231,189 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 19.09% เหตุผลจากรัฐเริ่มทยอยคลายล็อกดาวน์ต่อเนื่อง รัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้กำลังซื้อเริ่มกลับมา รวมทั้งการส่งมอบรถยนต์ให้ผู้จองในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ แต่ก็ยังคงกังวลราคาสินค้าและวัตถุดิบต่างๆ และพลังงานที่สูงขึ้นจากสงครามในยูเครนและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวได้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนมี.ค.65อยู่ที่ 93,840 คันลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน 10.21% ขณะที่ 3 เดือนแรกปีนี้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 243,124 คันลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 5.81% แต่มีมูลค่าการส่งออก 144,165.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปี 0.86% การส่งออกที่ลดลงมาจากขาดแคลนชิปและชิ้นส่วนรถยนต์นั่งบางรุ่น จึงผลิตและส่งออกลดลงในตลาดรถยนต์นั่งเช่นเอเชีย,ออสเตรเลีย,และยุโรป ยังคงต้องติดตามการสู้รบในยูเครนอย่างใกล้ชิดต่อไปที่อาจทำให้การขาดแคลนวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น
นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงยานยนต์ประเภทไฟฟ้า(BEV) จดทะเบียนใหม่(ป้ายแดง)กับกรมขนส่งทางบกเดือนมี.ค. 65 อยู่ที่ 1,403 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว 165.22% โดยเป็นรถยนต์นั่งและรถกระบะ 645 คัน รถจักรยานยนต์ 743 คัน เป็นต้น ขณะที่ 3 เดือนแรกปีนี้(ม.ค.-มี.ค.65) มีรถ BEV จดทะเบียนใหม่สะสมมีจำนวน 2,904 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคมปีที่แล้ว 128.66 % และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 ยานยนต์ไฟฟ้าจดทะเบียนสะสมประเภท BEV มีจำนวนทั้งสิ้น 14,255 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 108.13% ซึ่งนับเป็นการเติบโตตามทิศทางกระแสโลก