ก.พลังงานเกาะติดราคาน้ำมันโลกใกล้ชิด รับ เม.ย.-พ.ค.นี้ดีเซลตลาดโลกยังทรงตัว 140-150 เหรียญต่อบาร์เรล ยอมรับ 1 พ.ค.เลิกตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตรขยับแบบขั้นบันไดลดผลกระทบ พร้อมเดินหน้าโครงการวินเซฟรัฐร่วมจ่าย 50% แต่ไม่เกินคนละ 250 บาทต่อเดือนอุ้มมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 8 พ.ค.นี้
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานติดตามสถานการณ์น้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยได้หารือกับ บมจ.ปตท.เพื่อติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ราคาช่วง เม.ย.-พ.ค. 65 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังคงทรงตัวระดับสูงโดยเฉพาะดีเซลจะอยู่ในระดับ 140-150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และหากมีการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมราคาจะสูงขึ้นอีก ซึ่งทำให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นห่วงเรื่องค่าครองชีพประชาชนจึงมอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งหาทางลดผลกระทบโดยเฉพาะมาตรการตรึงดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตรที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.นี้
“เรามองราคาน้ำมันดิบดูไบทั้งปี 2565 ใกล้เคียง 100 เหรียญต่อบาร์เรล และจะทำให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ทรงตัวระดับ 130-140 เหรียญต่อบาร์เรลถือว่าเป็นอัตราที่สูง รมว.พลังงานจึงมอบให้เร่งดูแลผลกระทบโดยเฉพาะการขึ้นดีเซลที่ให้สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) ศึกษาแนวทางว่าจะทยอยขยับขึ้นราคาอย่างไร เพราะหากขึ้นตามแผนเดิม คือ ขึ้นครึ่งหนึ่งในส่วนของราคาที่เกิน 30 บาทต่อลิตร ราคาจะไปอยู่ที่ราว 35-36 บาท/ลิตร ประชาชนก็จะเดือดร้อน” นายวัฒนพงษ์กล่าว
ส่วนมาตรการช่วยมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ ครม.เห็นชอบ คือช่วยเหลือในการน้ำมันกลุ่มเบนซิน ในรูปแบบรัฐร่วมจ่าย 50% ไม่เกิน 50 บาท/คน/วัน และไม่เกิน 250 บาท /คน/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน พ.ค.-ก.ค. ทางกรมธุรกิจพลังงานได้เผยแพร่ข้อมูลในเว็บไซต์ ระบุว่าโครงการนี้ ใช้ชื่อว่า "วินเซฟ" ผู้มีสิทธิ์ เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก 106,655 ราย (ข้อมูลภายในวันที่ 22 มีนาคม 2565) โดยการลดราคาจะผ่านปั๊มน้ำมันที่เข้าร่วมโครงการที่มี แบนเนอร์ “วินเซฟ” ในขณะที่วินมอเตอร์ไซค์ตรวจสอบและกดยืนยันสิทธิได้ที่แอปฯ “เป๋าตัง” แล้วกดแบนเนอร์ “สิทธิวินเซฟ” และใช้สิทธิผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” และต้องมีการเติมเงินใน G-Wallet โดยภาครัฐช่วยจ่าย 50% ไม่เกิน 50 บาท/วัน ผู้ใช้สิทธิจ่ายเอง 50% โดยให้ยืนยันสิทธิได้ตั้งแต่ 5 พ.ค.และใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 8 พ.ค.นี้
สำหรับฐานะเงินกองทุนน้ำมัน วันที่ 17 เม.ย. 65 เงินกองทุนฯ ติดลบ 50,614 ล้านบาท แยกเป็นบัญชีน้ำมันติดลบ 19,332 ล้านบาท บัญชีแอลพีจีติดลบ 31,282 ล้านบาท ส่วนการกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องแก่กองทุน ก้อนแรก 2 หมื่นล้านบาท จากกรอบวงเงินกู้ทั้งหมด 4 หมื่นล้านบาทนั้น ปรากฏว่าในขณะนี้ยังไม่สามารถกู้ได้แต่อย่างใด ทางกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังอยู่ในระหว่างหารือว่าหากกู้ไม่ได้ ทางกองทุนฯ จะดำเนินการอย่างไร เพราะที่ผ่านมาการที่กองทุนติดลบมูลค่าสูงก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ดูแลราคาดีเซลและแอลพีจี เพื่อลดผลกระทบของประชาชน