กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสภาพล่าสุดติดลบแล้ว 50,614 ล้านบาท เตรียมทำใจขยับเพดานดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตรเดือน พ.ค.นี้ ด้านสหพันธ์การขนส่งฯ ลั่น พ.ค.นี้หากรัฐขึ้นดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตรพร้อมขยับค่าขนส่งทันที ชี้ทุก 1 บาทต่อลิตรที่ขึ้นจะปรับค่าขนส่งเพิ่ม 3% จี้รัฐลดภาษีฯ ดีเซลชั่วคราวได้อีกโวยรัฐบริหารไม่เป็นให้ลาออกไปซะ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งว่า สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 17 เมษายน 2565 ติดลบแล้ว 50,614 ล้านบาท โดยเป็นการติดลบบัญชีน้ำมัน 19,332 ล้านบาท และบัญชีก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) 31,282 ล้านบาท ซึ่งการติดลบดังกล่าวมาจากการเข้าไปดูแลอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลและแอลพีจีเป็นหลัก โดยปัจจุบันกองทุนฯ อุดหนุนราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 10.84 บาท ขณะที่แอลพีจีอุดหนุนอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 19.84 บาท
“ขณะนี้ภาพรวมกองทุนน้ำมันฯ มีรายได้หลักจากกลุ่มเบนซินยกเว้น E85 ที่ชดเชยชนิดเดียว ขณะที่ดีเซลล่าสุดคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ได้ชดเชยเพิ่มอีก 3.13 บาทต่อลิตร ทำให้ชดเชยรวมล่าสุดอยู่ที่ลิตรละ 10.84 บาท และแอลพีจี 19.84 บาทต่อ กก. ทำให้กองทุนฯ ยังคงมีฐานะติดลบต่อเนื่องจากระดับราคาน้ำมันและแอลพีจีตลาดโลกที่ยังคงมีราคาสูง แม้ว่าล่าสุดรัฐจะมีการปรับขึ้นราคาแอลพีจีไปแล้ว 1 บาทต่อ กก.ก็ตามแต่ก็ยังคงลดภาระได้ไม่มากเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องชดเชยที่สูง” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันที่ 1 พ.ค.นี้ในส่วนของราคาแอลพีจีจะมีการปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อ กก. หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก.ตามแผนงานที่วางไว้ในการปรับขึ้น 3 เดือน เดือนละ 1 บาทต่อ กก. เริ่มตั้งแต่ เม.ย.-มิ.ย. 65 ขณะที่ดีเซลกำหนดหลักการไว้เบื้องต้นที่จะตรึงราคาถึงสิ้นเดือนเมษายนนี้ จากนั้นในเดือน พ.ค.จะทยอยปรับเพดานขึ้นแต่จะเป็นอย่างไรก็คงจะต้องรอระดับนโยบายตัดสินใจอีกครั้งและคงต้องดูทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลกขณะนั้นด้วย ซึ่งขณะนี้ดีเซลราคาจริงอยู่ที่ 37.35 บาทต่อลิตร” แหล่งข่าวกล่าว
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สหพันธ์ฯ กำลังติดตามแนวทางการปรับขึ้นดีเซลของรัฐว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยหากมีการปรับขึ้นเกินระดับ 30 บาทต่อลิตรในอัตราใดก็จะส่งผ่านต้นทุนดังกล่าวด้วยการปรับขึ้นราคาค่าขนส่งในอัตราเท่านั้น โดยทุก 1 บาทที่ดีเซลปรับขึ้นจะขึ้นค่าขนส่ง 3% ทันที แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะไปผลักดันให้ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้นและจะนำมาซึ่งภาวะเงินเฟ้อที่สูงก็ตาม เนื่องจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยฟังเสียงเรียกร้องจากสหพันธ์ฯ แต่อย่างใด
"ตลอดเวลาที่ผ่านมาภาคขนส่งพยายามที่จะตรึงค่าขนส่งเอาไว้เพื่อไม่ให้กระทบต่อพี่น้องประชาชน และพยายามเสนอแนวทางการบริหารจัดการไปแล้วแต่รัฐไม่ได้ดำเนินการอย่างที่ควรพึงจะทำทั้งที่ดีเซลเป็นน้ำมันที่มีผลต่อเศรษฐกิจอย่างมาก เมื่อรัฐจะลอยตัวดังนั้นก็ต้องขึ้นค่าขนส่งแม้ว่าจะรู้ว่าประชาชนจะเดือดร้อนเงินในกระเป๋าก็ร่อยหรอกันทุกวันก็ตาม และผมบอกเลยว่ารัฐบาลบริหารไม่เป็นก็สมควรจะลาออกไปซะ" นายอภิชาติกล่าว
ทั้งนี้ ยังยืนยันว่ารัฐบาลยังมีช่องว่างที่จะสามารถลดราคาดีเซลได้อีก 4-5 บาทต่อลิตรหากดำเนินมาตรการเหล่านี้เป็นการชั่วคราว ได้แก่ ถอดการผสมไบโอดีเซลออกจากน้ำมันดีเซลที่ปัจจุบันผสมอยู่ 5% (ไบโอดีเซล B5) เนื่องจากขณะนี้ราคาไบโอดีเซลสูงถึง 55.56 บาทต่อลิตรเมื่อผสมกับดีเซลก็ยิ่งทำให้ราคาแพง ขณะที่ราคาปาล์มนั้นมีราคาสูงจึงไม่กระทบต่อเกษตรกรซึ่งส่วนนี้จะลดได้ราว 1 บาทต่อลิตร นอกจากนี้รัฐควรพิจารณาการปรับลดภาษีสรรพสามิตที่เหลืออีก 3.20 บาทต่อลิตรโดยอาจลด 3 บาทต่อลิตร และรวมถึงการพิจารณายกเลิกอ้างอิงราคาโรงกลั่นสิงคโปร์ที่มีการบวกค่าขนส่งเข้ามาทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่มี เป็นต้น