บ้านปู เพาเวอร์ ลั่นปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศช่วงไตรมาส 2 นี้ ส่วนโรงไฟฟ้าก๊าซฯ ในสหรัฐฯ คาดปิดดีลครึ่งหลังปี 65 หนุนมีกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ปีนี้เพิ่มขึ้นตามเป้า 500 เมกะวัตต์ หนุนรายได้ปีนี้โตขึ้นกระฉูด
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (BPP) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนหลายโครงการในต่างประเทศที่บริษัทมีฐานการลงทุนอยู่แล้วใน 7 ประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น จีน และสหรัฐฯ คาดว่าจะปิดดีล M&A โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนได้ในไตรมาส 2 หรือ 3/2565
ส่วนการทำ M&A โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ใช้ก๊าซฯ เป็นเชื้อเพลิงในสหรัฐอเมริกานั้น จะมีความชัดเจนครึ่งหลังปีนี้ หลังจากปี 2564 บริษัทได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซฯ Temple l ขนาดกำลังการผลิต 768 เมกะวัตต์ ในรัฐเทกซัส สหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ บริษัทศึกษาเพื่อทำธุรกิจการซื้อขายไฟฟ้าตลาดเสรี (Energy Trading) ในสหรัฐฯ โดยนำประสบการณ์การทำเทรดดิ้งไฟฟ้าในญี่ปุ่นมา 3 ปีแล้วมาปรับใช้
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ปีละ 500 เมกะวัตต์ เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 5,300 เมกะวัตต์ในปี 2568 จากปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 3,242 เมกะวัตต์ โดยจะเพิ่มพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนขึ้นเป็น 20% ในปี 2568 จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% โดยบริษัทมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่มีการลงทุนโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงเพิ่มเติมอีก
นายกิรณกล่าวต่อไปว่า ในปี 2565 บริษัท ได้ตั้งงบลงทุนอยู่ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนอีก 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเน้นการลงทุนโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วเพื่อให้บริษัทรับรู้รายได้และกำไรทันที
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2564 มีรายได้รวม 6,784 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้า Temple l และโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (CHP) ทั้ง 3 แห่งในจีน ที่สามารถสร้างรายได้จากปริมาณการขายไอน้ำเพิ่มขึ้น รวมทั้งรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟเชิงพาณิชย์และโรงไฟฟ้าใหม่ที่ M&A เพิ่มขึ้นในปีนี้