ผู้จัดการรายวัน 360 - “อันเดอร์ อาร์เมอร์” เผยยอดขายและทราฟฟิกเริ่มฟื้นตัวโต 25% ปีนี้ยังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่ม แต่จะเน้นอัดกิจกรรม เปิดไลน์สินค้าใหม่เต็มที่ ล่าสุดรีโนเวตสาขาแฟลกชิปสโตร์สยามเซ็นเตอร์สู่ City Concept Store
นางสาวปริศนา ศิริสมถะ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ยูเอ สปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour Brand) ในไทย เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 นี้พบว่าสถานการณ์ต่างๆ เริ่มดีขึ้น โดยพบว่ายอดขายรวมของบริษัทฯเติบโตขึ้น 25% เช่นเดียวกับปริมาณลูกค้าที่เข้าร้านหรือทราฟฟิกกลับมาเติบโต 25% เช่นเดียวกัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าจะยังไม่กลับไปปกติเหมือนช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ก็ตาม
เนื่องมาจากการพยายามปรับตัวการทำตลาดของบริษัทฯ เองเพื่อให้รับกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ การทำตลาดที่ให้ความสำคัญทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อเข้าถึงตลาดผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง รวมทั้งการออกสินค้าใหม่ๆ การทำแคมเปญภายใต้สถานการณ์ที่โควิดยังระบาดอยู่ แต่ตัวเลขของผู้ได้รับวัคซีนก็เพิ่มขึ้น และคาดว่าในปีนี้ สถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้นตามลำดับหากไม่มีอะไรที่รุนแรงเกิดขึ้นอีก
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เห็นได้ชัดว่า กลุ่มผู้บริโภคชาวไทยมีพฤติกรรมหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Focus Performer หรือกลุ่มคนที่มีเป้าหมายในการออกกำลังกายที่ชัดเจน และไม่หยุดนิ่งที่จะตั้งเป้าที่ท้าทายยิ่งขึ้น เพื่อก้าวไปสู่จุดที่ดีที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และกลุ่มผู้บริโภคผู้หญิง ที่หันมาให้ความสนใจในการออกกำลังกายเพื่อเป้าหมายในการรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึง กระตุ้นให้เกิดเทรนด์การออกกำลังกายที่เปลี่ยนไปอย่างการ Workout From Home เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มปรับตัวเข้ากับการใช้ชีวิตแบบนิวนอร์มัลได้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปีนี้บริษัทฯ ยังไม่มีแผนที่จะลงทุนเปิดหรือขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก แต่จะหันมาเน้นการปรับปรุงสาขาเดิม และการเพิ่มประสิทธิภาพในการขายของสาขาเดิมมากกว่า โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าเป็นผู้ชายมากกว่า 65% ผู้หญิง 25% และเด็ก 10% เป็นสินค้ากลุ่มเทรนนิ่งมากกว่า 60% มีจุดขายรวม แบ่งเป็นรูปแบบ Under Armour Brand House 11 สาขา, Shop in Shop (Sports Mall และ SuperSports) 14 สาขา, เอาต์เลต 5 สาขา และยังมีช่องทางออนไลน์ด้วย
ล่าสุดได้ปรับปรุงร้าน Under Armour Brand House สาขาสยามเซ็นเตอร์ใหม่ซึ่งเป็นสาขาแรกของอันเดอร์อาร์เมอร์ในไทยเมื่อประมาณ 7 ปีที่ผ่านมาและยังเป็น Flagship Store ของ Under Armour ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นโฉมใหม่ที่มีสินค้าครบครันด้วยผลิตภัณฑ์ รองเท้า เสื้อผ้า และอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกาย ทั้งไลน์ผลิตภัณฑ์สำหรับการฝึกซ้อม วิ่ง กอล์ฟ บาสเกตบอล ไลฟ์สไตล์แฟชั่น และกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ รวมถึงสินค้าในคอลเลกชันพิเศษ เช่น Project Rock และ Curry Brand เพื่อต่อยอดความสำเร็จในการเปิดตัว Under Armour Brand House ภายใต้แนวคิด “City Concept Store” เป็นครั้งแรกที่สาขา เมกา บางนา ในปี 2564 ที่ผ่านมา และตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ที่จะเข้าถึงกลุ่ม Focus Performer นักกีฬา รวมไปถึงกลุ่มผู้รักสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน สอดคล้องกับความตั้งใจของแบรนด์ที่จะสร้างแรงบันดาลใจและผลักดันให้พวกเขาเหล่านี้ก้าวไปสู่จุดที่ดียิ่งขึ้น
แนวคิดการตกแต่งแบบ City Concept Store สะท้อนเอกลักษณ์ความโดดเด่นของแต่ละเมือง ซึ่งในประเทศไทย ได้ศิลปิน อัครพงษ์ ‘โอ๊ต’ เพ็ชผล มาร่วมออกแบบลวดลายตกแต่งร้าน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชื่อเมือง ‘กรุงเทพฯ’ ซึ่งหมายถึงเมืองแห่งเทพ จึงเลือกใช้องค์ประกอบ เช่น ก้อนเมฆ สื่อถึงสวรรค์หรือเมืองที่ลอยอยู่บนฟ้า ประดับอยู่ท่ามกลางลวดลายสถานที่สำคัญต่างๆ ของกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็น พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม, พระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, พระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, เสาชิงช้า และสะพานพระราม 8 ผสานความเป็นไทยด้วยดอกบัว รถตุ๊กตุ๊ก และลายประจำยาม ลายไทยที่เรียบง่าย สวยงาม แต่แฝงด้วยความหนักแน่นและแข็งแรง ลวดลายตกแต่งร้านยังโดดเด่นด้วยยักษ์ในรองเท้า Under Armour สัญลักษณ์แห่งความแข็งแรง สะท้อนความเป็นนักกีฬาในแบบฉบับของ Under Armour
นายเทพฤทธิ์ ไรวินท์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวว่า นอกจากการเปิดตัว Flagship Store สาขาสยามเซ็นเตอร์ในครั้งนี้ ทาง Under Armour ยังมีแผนการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2565 เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ที่จะเข้ามาช่วยผลักดันนักกีฬาและทุกๆ คนที่รักสุขภาพ ก้าวไปสู่จุดที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการมอบโอกาสในการเข้าถึงกีฬาให้แก่นักกีฬาและเยาวชน อาทิ กิจกรรมการแข่งขัน Curry 3 ON 3 Thailand 2022 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อมอบโอกาสให้นักกีฬาบาสเกตบอลเยาวชนจากทั่วประเทศ และการจับมือกับพันธมิตรสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น WIRTUAL แพลตฟอร์ม Exercise to Earn และ Jetts Fitness ที่จะมาช่วยมอบประสบการณ์การออกกำลังกายและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้กับแฟนๆ ของ Under Armour อีกทั้ง Under Armour ประเทศไทย ยังมีแผนในการเพิ่มหลากหลายกิจกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นตลอดทั้งปี เช่น All Out Mile กิจกรรมงานวิ่งที่จะชวนนักวิ่งมาประลองความเร็วกันในระยะ 1 ไมล์ ซึ่งจะมีการประกาศเปิดตัวกิจกรรมอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
“ยิ่งไปกว่านั้น ทาง Under Armour มีการคัดเลือกนักกีฬาและ Friend of Brand จากหลากหลายประเภทกีฬา เพื่อเป็นตัวแทนของแบรนด์ในการส่งต่อความมุ่งมั่น ตั้งใจ พัฒนาศักยภาพทางการเล่นกีฬาทั้งทางร่างกายและจิตใจ และปีนี้ในประเทศไทย เราได้ร่วมงานกับนักกีฬาทีมชาติและนักกีฬาอาชีพหลายคนเพื่อมาถ่ายทอดเรื่องราวแรงผลักดันที่ช่วยให้พวกเขามุ่งมั่นจะพัฒนาตนเองเพื่อก้าวผ่านขีดจำกัด และร่วมกันสร้างโอกาสและการเข้าถึงกีฬา ให้กับนักกีฬาคนอื่นๆ ทั้งยังเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มนักกีฬาเยาวชนรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นความสำคัญของกีฬา”
รวมทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่พร้อมเทคโนโลยี เช่น UA Flow Wind 2 รองเท้าสายสปีดรุ่นที่ 2, UA HOVR Machina 3 รองเท้าวิ่งระยะไกล, Curry Flow 9 รองเท้าบาสเกตบอลที่ใช้เทคโนโลยีพื้น Flow ภายใต้ Curry Brand Rush ไลน์เสื้อผ้าที่ถูกออกแบบสำหรับ เทรนนิ่งและแข่งขัน โดยเฉพาะ UA Meridian Leggings เลกกิ้ง