“อธิรัฐ” ตรวจ "ท่าเรือสาทร" ปรับปรุงเสร็จแล้วบริการเต็มรูปแบบ เม.ย.นี้รองรับได้ 2 หมื่นคน/วัน “เรือต่อราง” สะดวก พร้อมสั่งเร่งสรุปแผนพัฒนาเชิงพาณิชย์ชง ครม.เล็งเปิดเอกชนร่วมทุนนำร่องสาทร, ท่าช้างช่วยสร้างรายได้เพิ่ม
วันที่ 23 มีนาคม 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือโดยสาร “ท่าเรือสาทร” ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลในการพัฒนาการขนส่งทางน้ำ โดยมีนายสมพงษ์ จิรศิริเลิศ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า (จท.) และคณะร่วมให้ข้อมูล
ท่าเรือสาทรมีผู้โดยสารใช้บริการทั้งท่าเรือโดยสาร ท่าเรือข้ามฟาก และท่าเรือท่องเที่ยว มีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 15,236 คน/วัน พื้นที่ 1,088 ตร.ม. รองรับเที่ยวเรือ 281 เที่ยว/วัน ส่งผลให้ท่าเรือเดิมที่มีขนาดเล็กมีความแออัด
ทั้งนี้ กรมเจ้าท่า (จท.) ได้ดำเนินการปรับปรุงท่าเรือสาทรใช้งบประมาณ 16.247 ล้านบาท เริ่มดำเนินการเดือน ก.พ. 2563 โดยขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว 100% พร้อมเปิดบริการเต็มรูปแบบภายในเดือนเมษายนนี้ โดยได้มีการขยายพื้นที่ท่าเทียบเรือและพื้นที่โดยรอบจากเดิมมีพื้นที่ 1,088 ตารางเมตรเพิ่มพื้นที่ประมาณ 1,364 ตารางเมตร ปรับปรุงโป๊ะขนาด 6x12 เมตรพร้อมสะพานปรับระดับจำนวน 4 โป๊ะ, โป๊ะขนาด 9x17 เมตรพร้อมสะพานปรับระดับจำนวน 1 โป๊ะ ปัจจุบันก่อสร้างคืบหน้า 70%
ขณะนี้กำลังก่อสร้างทางลาดด้านหน้าท่าเรือ และปรับปรุงโป๊ะขนาด 6x12
เมตรพร้อมสะพานปรับระดับจำนวน 2 โป๊ะ คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน มี.ค.นี้ เพิ่มขีดความสามารถรองรับผู้ใช้บริการเฉลี่ย 20,000 คน/วัน
นายอธิรัฐกล่าวว่า ในอนาคตจะมีพื้นที่ให้บริการในเชิงพาณิชย์ด้วยซึ่งจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน ขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังและกฤษฎีกา จากนั้นจะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาแนวทางซึ่งจะเป็นการนำพื้นที่ว่างส่วนที่เหลือจากการให้บริการผู้โดยสารมาพัฒนาหารายได้เพิ่ม โดยมุ่งไปที่ท่าเรือขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ เช่น ท่าเรือสาทร, ท่าช้าง นอกจากนี้ กรมเจ้าท่ายังอยู่ระหว่างพัฒนาปรับปรุงท่าเรือราชินีท่าเตียนซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค. 2565 อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้กำชับกรมเจ้าท่าให้เข้มงวดในเรื่องความปลอดภัยในการให้บริการและการเดินเรือ มีการตรวจตรา
ทะเบียนเรือและใบอนุญาตนายท้ายเรือเพื่อความปลอดภัยสูงสุด โดยกระทรวงคมนาคมมุ่งการพัฒนาท่าเทียบเรือเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานการให้บริการให้มีความสะดวกรวดเร็วและปลอดภัยสามารถเชื่อมโยงกับระบบขนส่งรูปแบบอื่นได้อย่างไร้รอยต่อและยังช่วยลดปัญหาความคับคั่งของการจราจรทางบก
สำหรับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้นั้น นายอธิรัฐกล่าวว่าได้ให้กรมเจ้าท่าหารือกับผู้ประกอบการเรือโดยสารเพื่อขอความร่วมมือในการชะลอการปรับขึ้นค่าโดยสารในช่วงนี้ออกไปก่อนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ส่วนผู้ประกอบการซึ่งต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสามารถเสนอมาตรการที่ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือเข้ามาได้เพื่อหาทางช่วยเหลือกันต่อไป