xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์” โชว์ Q4/64 โต 15% ดึง 100 รายเข้าแอปฯ-ซุ่มเอาต์เลตเฟส 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์โชว์ผลประกอบการทั้งกลุ่มเติบโตทะลุเป้ามากกว่า 15% ในไตรมาส 4/2564 กลุ่มลักชัวรีแบรนด์เติบโตแบบก้าวกระโดดหลายแบรนด์ขยายพื้นที่ร้าน และแบรนด์ดังๆ ทำ “Pop-up Store” เดินหน้าขับเคลื่อนปี 2565 เสริมความแข็งแกร่งผ่านการขายที่เชื่อมทุกดิจิทัลแพลตฟอร์มกับศูนย์การค้า

นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด “สยามพิวรรธน์ประสบความสำเร็จในปี 2564 สร้างรายได้ทะลุเป้าหมายที่วางไว้ถึง 15% ในไตรมาส 4/2564 จากการปรับแผนกลยุทธ์การตลาดและการขายออกสู่ทุกแพลตฟอร์มตลอดทั้งปี มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้ากำลังซื้อสูง ผ่านการสร้างบริการโซเชียลและอีคอมเมิร์ซ (Social and E-Commerce), Call & Shop, Siam Paragon Luxury Chat & Shop และ Ultimate Chat & Shop ที่บริษัทดำเนินการเองเพื่อช่วยขายสินค้าให้บรรดาร้านค้าและพันธมิตรทั้งหมดขยายฐานลูกค้าครอบคลุมต่างจังหวัดได้


อีกทั้งได้ร่วมมือกับทางแอปพลิเคชันที่หลากหลายเพื่อขยายช่องทางการจำหน่ายครบรูปแบบออมนิแชนเนล (Omni-Channel) จนถึงการเปิดตัว ONESIAM SuperApp เมื่อปลายปี 2564 ผลักดันให้ยอดซื้อในส่วนของกลุ่มลูกค้าสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่า 45% จากปี 2563 พร้อมเดินหน้าสร้างอีโคซิสเต็ม (ecosystem) ให้ 4 ศูนย์การค้าของบริษัทฯ เป็นศูนย์กลางการ Earn & Burn สิทธิประโยชน์ และ VIZ Coin โดยเชื่อม 1,000 ร้านค้าและพันธมิตรชั้นนำกว่า 100 รายจาก 13 ประเภทอุตสาหกรรม ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจ เพื่อสร้างยอดขายที่ก้าวกระโดดร่วมกันทุกฝ่ายในปี 2565 อย่างต่อเนื่อง

แม้ในปี 2564 ที่ผ่านมาจะมีปัจจัยท้าทายจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่สินค้ากลุ่มลักชัวรีแบรนด์ทุกประเภทได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าคนไทยล้วนๆ ที่มีกำลังซื้อสูงในทุกศูนย์การค้า โดยเฉพาะจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และหลายแบรด์ดังมีสต๊อกสินค้าใหม่ๆ ที่มากกว่าร้านในฮ่องกงและสิงคโปร์อีกด้วย ซึ่งระหว่างวิกฤตการณ์โควิดทั้งสองปี ร้านค้ากลุ่มนี้ ในทั้งสองศูนย์การค้าสามารถสร้างยอดขายและมีอัตราเติบโตที่โดดเด่นสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก

ปัจจัยมาจากลักชัวรีแบรนด์หลายรายได้ขยายพื้นที่ในสยามพารากอน และแบรนด์ดังๆ ได้ร่วมเปิดพื้นที่เป็น “Pop-up Store” ในไอคอนสยาม เพื่อขายลิมิเต็ดคอลเลกชันพิเศษ ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดจองพื้นที่เพื่อเปิด Pop-up Store ทุกเดือนและเต็มตลอดจนถึงปี 2566 แล้ว อีกทั้งสยามพิวรรธน์ได้ร่วมมือกับธนาคารพาณิชย์และพันธมิตรในอีโคซิสเต็ม เช่น กลุ่มสายการบิน โรงพยาบาล และบริษัทประกันภัย เพื่อช่วยบริหารจัดการลูกค้ากำลังซื้อสูงของทุกรายให้ได้สิทธิประโยชน์ และ กลุ่มวันสยาม (ONESIAM) ที่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ปรับเปลี่ยนพื้นที่โดยมีผู้เช่ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเข้ามาสร้างสีสัน ซึ่งเป็นแรงดึงดูดลูกค้าให้มาใช้บริการมากในไตรมาสสุดท้ายของปี


นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “หลังจากเปิดให้บริการมาครบ 3 ปี และการแพร่ระบาดตลอดระยะเวลา 2 ปี สามารถสร้างฐานลูกค้าประจำที่เป็นคนไทยล้วนๆ ลูกค้าในปี 2564 เพิ่มจากปี 2563 ส่งผลให้ยอดขายไตรมาสสุดท้ายเพิ่มขึ้นถึง 43% ซึ่งเป็นรายได้มากที่สุด และยอดขายเติบโตในทุกกลุ่มสินค้าและบริการ เพราะมีกำลังซื้อจากสมาชิกลูกค้าประจำที่โดดเด่นมาก ซึ่งคิดเป็น 40% ของยอดขายทั้งหมด

ในปี 2565 นี้ลูกค้าไอคอนสยามที่เป็นสมาชิก VIZ Card จะได้ใช้ VIZ Coin ผ่าน ONESIAM SuperApp ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระตุ้นการใช้จ่ายให้เติบโตถึง 15-20% และปัจจัยที่จะส่งผลให้มีความคึกคัก คือศูนย์ประชุมและการแสดงมาตรฐานระดับโลก ทรู ไอคอน ฮอลล์ (True Icon Hall) มียอดจองจัดงานแล้วทั้งปี ส่วนรถไฟฟ้าสายสีทองซึ่งได้เปิดบริการแล้วจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าจากทั่วกรุงเทพฯ และปริมณฑล เดินทางเข้ามาใช้บริการได้สะดวกสบายอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ สยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพฯ มีจำนวนลูกค้าสม่ำเสมอและยอดจับจ่ายต่อคนอยู่ในระดับสูงจึงส่งผลให้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการศึกษาแผนการขยายพื้นที่เฟส 2

การสร้างแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp ที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปี 2564 ช่วยกระตุ้นยอดการจับจ่ายใช้สอย และขยายตลาดสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่เจเนอเรชัน Y และ Z โดยในปีนี้กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ตั้งเป้าว่าจะสร้างยอดขายในกลุ่มสมาชิกให้เติบโต 30% นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์จะเดินหน้าขยายระบบนิเวศธุรกิจพรีเมียมระดับโลก (ecosystem) อย่างเต็มกำลัง ซึ่งกลางปีนี้จะขยายไปครอบคลุมหลากหลายธุรกิจร่วมกับพันธมิตรชั้นนำกว่า 100 บริษัท 13 อุตสาหกรรม ผ่านแพลตฟอร์ม ONESIAM SuperApp ที่จะช่วยขยายฐานและให้บริการแก่ลูกค้ากำลังซื้อสูงให้กว้างมากขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น