ปตท.สผ.ลั่นเป็นผู้ดำเนินการโครงการยาดานา ประเทศเมียนมา แทน "โททาลเอนเนอร์ยี่ส์" ที่ถอนการลงทุนไป โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมนี้ ชี้เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของทั้ง 2 ประเทศและได้ผ่านความเห็นชอบจากผู้ร่วมทุนโครงการแล้ว โดย ปตท.สผ.จะมีสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการยาดานาเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 37.0842 และเชฟรอนถือหุ้นร้อยละ 41.1016
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ (TotalEnergies) ได้ถอนตัวจากการเป็นผู้ดำเนินการและผู้ร่วมทุนในโครงการยาดานานั้น ทาง ปตท.สผ.ได้พิจารณาแนวทางบริหารจัดการแหล่งยาดานาในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญ ให้สามารถดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความต้องการใช้พลังงานของประชาชนในประเทศเมียนมาและประเทศไทย ดังนั้น บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PTTEPI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของกลุ่ม ปตท.สผ. และเป็นผู้ร่วมทุนในโครงการ จะเป็นผู้ดำเนินการแทน มีผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 โดยได้รับความเห็นชอบจากผู้ร่วมทุนของโครงการแล้ว
สำหรับก๊าซธรรมชาติที่ผลิตจากโครงการยาดานา ในอ่าวเมาะตะมะนั้น มีปริมาณ 770 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งประมาณ 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันใช้ในเมียนมาเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้า หรือคิดเป็นประมาณ 50% ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในเมียนมา ในขณะที่ประเทศไทยต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติจากโครงการยาดานาด้วยเช่นกัน โดยส่งเข้าประเทศไทยประมาณ 550 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน สำหรับเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และขนาดเล็ก จำนวน 12 โรง รองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าและพลังงานของประชาชนกว่า 11 ล้านคนในภาคตะวันตกและบางส่วนของภาคกลาง โดยปริมาณดังกล่าวคิดเป็นประมาณ 11% ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทย
"ปตท.สผ. ในฐานะบริษัทพลังงานของไทย ตระหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นอย่างยิ่งของการผลิตก๊าซธรรมชาติ จึงได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในเมียนมามากว่า 30 ปี และเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ทั้งนี้ บริษัทได้พิจารณาอย่างรอบคอบในการเข้าเป็นผู้ดำเนินการในโครงการยาดานาต่อจากบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ซึ่งถอนตัวออกจากโครงการ โดยบริษัทเชื่อว่าการเข้าเป็นผู้ดำเนินการจะสามารถช่วยรักษาความต่อเนื่องในการจัดหาพลังงานให้กับทั้งสองประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงาน และสร้างความมั่นคงทางพลังงานในระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งพลังงานรูปแบบอื่นยังมีข้อจำกัดในการเป็นเชื้อเพลิงหลักสำหรับการผลิตไฟฟ้า รวมไปถึงความต่อเนื่องในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และกระบวนการดำเนินงาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทุกขั้นตอน ซึ่งการเข้าเป็นผู้ดำเนินการโครงการยาดานาของ ปตท.สผ.ครั้งนี้ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ร่วมทุนของโครงการแล้ว"
อย่างไรก็ตาม การเข้าเป็นผู้ดำเนินการจะมีผลในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ในการเปลี่ยนผ่านการเป็นผู้ดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อให้การผลิตก๊าซธรรมชาติสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและปลอดภัย
นายมนตรีกล่าวว่า ตามเงื่อนไขในสัญญาการร่วมทุน (Production Operating Agreement หรือ POA) สัดส่วนการร่วมทุนของบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ จะกระจายให้ผู้ร่วมทุนรายอื่นในโครงการตามสัดส่วนการลงทุนโดยไม่คิดมูลค่า ซึ่งจะส่งผลให้ บริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 37.0842 โดยบริษัท เชฟรอน ซึ่งมีบริษัทย่อยคือบริษัท ยูโนแคลเมียนมา ออฟชอร์ จะเป็นผู้ถือสัดส่วนการลงทุนมากที่สุด ร้อยละ 41.1016 ภายหลังจากบริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ ยุติการเป็นผู้ร่วมทุนและเป็นผู้ดำเนินการ
ดังนั้น โครงสร้างการถือหุ้นโครงการยาดานาหลังจากโททาลเอนเนอร์ยี่ส์ยุติการเป็นผู้ร่วมทุนและเป็นผู้ดำเนินการในวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 แล้ว สัดส่วนการลงทุนในโครงการยาดานาจะเป็นดังนี้ บริษัท ยูโนแคลเมียนมา ออฟชอร์ (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Chevron) ร้อยละ 41.1016 บริษัท PTTEPI ร้อยละ 37.0842 และเป็นผู้ดำเนินการ และ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) ร้อยละ 21.8142