ทช.ปักธงลุยสร้างถนนเลียบชายทะเลภาคใต้อีก 4 เส้นทาง 38 กม. งบกว่า 330 ล้านบาท ทยอยเสร็จตั้งแต่ มี.ค. 65-66 เติมโครงข่ายถนนท่องเที่ยวที่เสร็จไปแล้วกว่า 475 กม.
นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้ (Thailand Riviera) ว่า ปัจจุบัน ทช.ได้ก่อสร้างไปแล้วจำนวน 39 โครงการ รวมระยะทาง 475.896 กิโลเมตร ทั้งนี้ เพื่อให้โครงข่ายถนนเลียบชายฝั่งทะเลภาคใต้มีความสมบูรณ์ต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ในปี 2565 ทช.จึงได้ดำเนินการก่อสร้างอีกจำนวน 4 โครงการ รวมระยะทาง 38.72 กิโลเมตร งบประมาณรวม 330.156 ล้านบาท ได้แก่
1. ถนนทางหลวงชนบทสาย ชพ.4019 สายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100) -บ้านแหลมสันติ อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 19.891 กิโลเมตร ปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปแล้วกว่าร้อยละ 82 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2565 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 172.082 ล้านบาท
2. ถนนสายเพชรเกษม-สถานีรถไฟทุ่งประดู่-วัดทับสะแก อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทาง 3.418 กิโลเมตร ปัจจุบันได้เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณช่วงกลางปี 2565 นี้ ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 20.650 ล้านบาท
3. ถนนสายบ้านบางคอย-บ้านทุ่งคาน้อย อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร ระยะทาง 8.658 กิโลเมตร ปัจจุบันได้เริ่มเข้าพื้นที่ดำเนินการก่อสร้างแล้วเมื่อเดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมา คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 31.984 ล้านบาท
4. ถนนสายแยกทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4002 (กม.ที่ 13+100) - บ้านแหลมสันติ (ตอนที่ 2) อำเภอหลังสวน, ละแม จังหวัดชุมพร ระยะทาง 6.753 กิโลเมตร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างได้ประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2566 ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 105.440 ล้านบาท
ทั้งนี้ ทช.ได้ดำเนินการก่อสร้างถนนเลียบชายฝั่งทะเลฯ มาตั้งแต่ปี 2552 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในโครงการพัฒนาการท่องเที่ยวถนนเลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของอ่าวไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เพื่อพัฒนาโครงข่ายถนนดังกล่าวให้มีความต่อเนื่องให้เป็นถนนท่องเที่ยวชายฝั่งทะเลระดับสากล ส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกระจายรายได้สู่ชุมชมอย่างเป็นรูปธรรม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง