สมาคมเอทานอลเกาะติดนโยบายพลังงานหลังมีสัญญาณช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้เบนซินด้วยการปรับลดชนิดน้ำมันให้เหลือเพียงแก๊สโซฮอล์ E10 เกรดเดียวเลิก E85 E20 เป็นการชั่วคราว พร้อมทำหนังสือคัดค้านด่วนหวั่นกระทบทั้งเกษตรกรและโรงงานเอทานอล 27 แห่ง จับตา "กบง." จ่อถกอีกระลอกชี้ขาดหลังล่าสุดการประชุมไร้ข้อสรุป
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงานเปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงานเป็นประธานเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีการหารือถึงมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินจากระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่องตามทิศทางราคาตลาดโลก โดยมีแนวทางทั้งการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงของกลุ่มเบนซินลง และยังรวมถึงมาตรการอื่นๆ เช่น การลดผสมเอทานอลในกลุ่มเบนซินเหลือเกรดเดียวคือ แก๊สโซฮอล์ E10 จากเดิมที่มีทั้ง E85 และ E20 เป็นการชั่วคราว เพื่อลดภาระการชดเชยราคาที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องแบกรับภาระ
“การหารือ กบง.ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้เบนซิน และรวมถึงการดูแลตรึงราคาก๊าซหุงต้ม (LPG) ให้คงอยู่ 318 บาท/ถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ที่จะสิ้นสุด 31 มี.ค.นี้ว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยพบว่าการตรึง LPG เกือบ 2 ปีที่ผ่านมาจนถึง 20 ก.พ. 65 อุดหนุนไปแล้วถึง 26,336 ล้านบาท และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ กองทุนน้ำมันติดลบไปแล้ว 20,164 ล้านบาท ซึ่งแผนที่เสนอมีทั้งการขยับขึ้นราคาไตรมาสละ 1 บาทต่อกก.และการตรึงต่อแต่ต้องหาเงินมาดูแลเพิ่มเติม ซึ่ง กบง.จะกลับมาหารือกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า” แหล่งข่าวกล่าว
นายพิพัฒน์ สุทธิวิเศษศักดิ์ นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยหากรัฐบาลจะช่วยเหลือผู้ใช้กลุ่มเบนซินด้วยการลดส่วนผสมเอทานอล จากแก๊สโซฮอล์ E85 และแก๊สโซฮอล์ E20 ลงเหลือเกรดเดียวคือแก๊สโซฮอล์ E10 ซึ่งในขณะนี้มีกระแสข่าวว่าอาจจะลดชั่วคราวประมาณ 3 เดือน โดยทางสมาคมฯ จะทำหนังสือคัดค้าน เพราะดูแล้วในภาพรวมสุดท้ายยังไม่มีความชัดเจนว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไรทั้งในแง่ราคาขายปลีกที่จะลดลง แต่ตรงกันข้ามการลดสัดส่วนผสมเอทานอลจะทำให้ห่วงโซ่อุปทานของเอทานอลทั้งระบบเดือดร้อน ตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงโรงงานเอทานอล ซึ่งมีประมาณ 27 โรงงาน
ปัจจุบันความต้องการใช้เอทานอลอยู่ที่ประมาณ 4 ล้านลิตร/วัน หากใช้เฉพาะ E10 ก็จะทำให้ความต้องการใช้ลดลงถึง 30% ในส่วนนี้จะดำเนินการอย่างไร เพราะมีสต๊อกล่วงหน้าเตรียมค้าขายไว้แล้ว หากรัฐบาลระบุเพียงว่าให้ส่งออก ก็ขอแจ้งให้ทราบว่าไม่ได้ง่ายอย่างที่คาดการณ์ นอกจากนี้ หากปริมาณการใช้ลดลงก็จะกระทบต่อเกษตรกรไปด้วย ซึ่งราคาเอทานอลของไทยที่อยู่ที่ประมาณ 25.60 บาท/ลิตร ขณะนี้ก็เป็นผลพวงจากสินค้าเกษตรที่มีราคาสูง โดยมันเส้นอยู่ประมาณ 7.50-7.70 บาท/กก. กากน้ำตาลอยู่ที่ 5.50 บาท/กก.
“ทาง ก.พลังงานได้โทร.มาสอบถามผลกระทบหากลดส่วนผสมกลุ่มเบนซินเหลือ E10 เพียงเกรดเดียว และอ้างว่าราคาเอทานอลที่สหรัฐฯ และบราซิลต่ำกว่านี้ ก็อยากจะถามกลับไปว่าสองประเทศนั้นซื้อสินค้าเกษตรราคาสูงเหมือนไทยหรือไม่ โดยสหรัฐฯ ใช้ข้าวโพดจีเอ็มโอ บราซิลใช้น้ำอ้อย แต่ของไทยห้ามใช้น้ำอ้อย ให้ใช้กากน้ำตาล ภาพรวมแล้วก็อยากให้มองถึงผลกระทบต่อเกษตรกร เพราะรัฐบาลก็อ้างว่าจะช่วยเหลือเกษตรกร และขอให้มองถึงนโยบายรวมๆ ไม่ใช่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ส่วนจะลดภาษีกลุ่มเบนซินหรือไม่ เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่รัฐจะพิจารณา” นายพิพัฒน์กล่าว
