"ศักดิ์สยาม" ควง "อนุทิน" บินเครื่องเจ็ตและใบพัดทดสอบสนามบินเบตง 5 ก.พ.นี้ เคลียร์ทุกข้อสงสัย ศักยภาพรันเวย์ รัศมีแลนดิ้ง พร้อมหารือหน่วยงาน-เอกชนในพื้นที่ผลักดันเปิดบริการเชิงพาณิชย์
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันเสาร์ที่ 5 ก.พ. 2565 ตนพร้อมด้วยปลัดกระทรวงคมนาคม อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) รักษาการกรรมการผู้อำนวยใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) มีกำหนดลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการท่าอากาศยานเบตง โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงคมนาคม ร่วมตรวจราชการด้วย ซึ่งจะแบ่งคณะเดินทางออกเป็น 3 ชุด โดยรองนายกฯ อนุทินจะเดินทางโดยเครื่องบินส่วนบุคคลแบบใบพัด ส่วนตนเองจะไปโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ซึ่งยืมจากคนรู้จัก คณะปลัดกระทรวงฯ จะใช้เครื่องบินแบบใบพัด
ทั้งนี้ การใช้เครื่องบินในหลายแบบเดินทางไปยังสนามบินเบตง เพื่อเป็นการทดสอบการขึ้นลงของเครื่องบินแต่ละประเภท ระยะเวลาการบินไปด้วย อีกทั้งเพื่อยืนยันความพร้อมของสนามบินเบตงในการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ รวมถึงพิสูจน์กรณีที่ระบุว่าเครื่องบินต้องไปตีโค้งนอกเขตประเทศไทยก่อนลงรันเวย์ว่าจริงหรือไม่จริง
พร้อมกันนี้ จะมีการประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) หน่วยงานและภาคเอกชนในพื้นที่ และได้เชิญผู้แทนของสายการบินนกแอร์ร่วมหารือแก้ไขปัญหาข้อติดขัดต่างๆ ในการเปิดเที่ยวบินเชิงพาณิชย์
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ประเด็นข้อห่วงใย ในการเปิดเชิงพาณิชย์ ในเรื่องงบประมาณในการบริหารและด้านบำรุงรักษา (Operation and Maintenance) ของสนามบินเบตง ซึ่งเบื้องต้นทาง ศอ.บต.รับที่จะดูแล เพราะการให้บริการนี้เป็นเรื่องการสร้างความมั่นคงและสร้างการพัฒนาให้ประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วน ทย.นั้นปัจจุบันมีกองทุนท่าอากาศยานซึ่งใช้บริหารจัดการสนามบิน 28 แห่งอยู่แล้ว
ปัจจุบันสนามบินเบตงได้รับใบอนุญาตสนามบินแล้ว พร้อมทำการบินในทุกรูปแบบ ซึ่งได้เริ่มทำการบินแบบเช่าเหมาลำ (Charter Flight) เส้นทางดอนเมือง-เบตง-ดอนเมือง เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2565 เป็นเที่ยวบินทดสอบที่มีผู้โดยสารเต็มจำนวนที่นั่ง แต่ยังไม่ใช่เที่ยวบินเป็นทางการ เป็นการทำการบินเพื่อให้เห็นว่าสนามบินมีความพร้อมในการให้บริการ มีความปลอดภัยตามหลักองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)
สำหรับการเปิดให้บริการเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ สายการบินที่จะทำการบิน ซึ่งขณะนี้คือสายการบินนกแอร์ จะดูเรื่องจำนวนผู้โดยสาร โดยที่ผ่านมาสายการบินได้เสนอขอให้ภาครัฐรับประกันจำนวนผู้โดยสารไม่น้อยกว่า 75% ต่อเที่ยวบิน หรือเกือบ 60 ที่นั่ง โดยจะใช้เครื่องบินแบบ Q-400 มีความจุผู้โดยสารจำนวน 88 ที่นั่ง ซึ่งเรื่องนี้ต้องให้ทางสายการบินและภาครัฐในพื้นที่ หารือกันว่าจะสามารถดำเนินการได้แค่ไหน
"ผมให้แนวทางกับอธิบดีกรมท่าอากาศยานในฐานะคนกลางไปพิจารณาถึงความต้องการเดินทาง เพื่อประเมินจำนวนผู้โดยสารในแต่ละวันทั้งไปและกลับว่ามีเท่าไร เพื่อจะได้จัดประเภทของเครื่องบินที่มีขนาดสอดคล้องเหมาะสมกับจำนวนผู้โดยสาร เพราะเรื่องจำนวนผู้โดยสารสำคัญ หากปริมาณผู้โดยสารน้อย ไม่พอกับต้นทุน ก็ต้องเกี่ยวโยงไปถึงการคิดอัตราค่าโดยสาร ซึ่งต้องดูว่าจะรับได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องเข้าใจสายการบินด้วย หากรายรับไม่พอ เปิดบินไม่ไหว ขณะที่เรายืนยันเปิดกว้างสายการบินไหนสนใจเข้ามาขอทำการบินได้ ไม่มีการปิดกั้น แต่ที่ต้องไปดูว่ามีจำนวนผู้โดยสารแค่ไหน ความถี่จะเป็นอย่างไร อัตราค่าโดยสารควรเป็นเท่าไร ต้องหาจุดลงตัวร่วมกัน แต่หากจะให้รัฐอุดหนุนแบบ PSO ไม่สามารถทำได้ ซึ่งเชื่อว่าการลงพื้นที่ไปหารือกันทุกฝ่ายจะมีความชัดเจนมากขึ้น" นายศักดิ์สยามกล่าว