ผู้จัดการรายวัน 360 - อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ เปิดแผนธุรกิจปี 2565 ปักธงยอดขาย 1,000 ล้านบาท เดินหน้าขยายเพิ่มอีก 1,000 ชอป หวังเพิ่มแชร์เป็น 80% ตอกย้ำเบอร์ 1 ด้านผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมระดับโลก เปิดเกมรุกบุก 360 องศาในทุกภูมิภาคและขยายไปต่างประเทศ คาดปีนี้ตลาดรวมในไทยจะเพิ่มถึง 3,500 ชอป มูลค่าตลาดรวมพุ่ง 10,000 ล้านบาท
นายสุกรี กีไร ผู้จัดการฝ่ายขายอาวุโสประจำภูมิภาคอินโดไชน่า บริษัท อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ ซิสเต็มส์ แอลแอลซี (Alliance Laundry Systems LLC) ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังผลิตเครื่องซักผ้าอบผ้าที่โรงงานเดิมในประเทศไทยในเฟสที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 คาดว่าจะเริ่มได้ในปีหน้า (2566) ต้องลงทุนหลักพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมบ้างแล้ว โดยจะผลิตเพื่อป้อนตลาดเอเชียแปซิฟิกเป็นหลัก ซึ่งฐานผลิตในไทยได้ลงทุนเฟสที่ 1 ไปประมาณ 1,500 ล้านบาท เปิดเมื่อช่วง 4 ปีที่แล้ว และไทยเป็นฐานผลิตสำคัญ 1 ใน 4 แห่งทั่วโลกของอัลไลแอนซ์ คือ อเมริกา เช็ก จีน และไทย
นายสุกรีกล่าวถึงภาพรวมธุรกิจร้านสะดวกซักของไทยในปี 2565 ว่า ร้านสะดวกซักจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างก้าวกระโดด คาดว่าปีนี้จะมีถึง 3,500 ชอป จากเดิมปี 2564 ที่มีเพียง 2,400 ชอป ซึ่งอัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ เป็นบริษัทที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดถึง 70% และคาดว่าจะเติบโตเป็น 80% ในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมตั้งเป้ายอดขายของปี 2565 อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
การเติบโตมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่หันมาใช้บริการร้านสะดวกซักมากขึ้น ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพและใส่ใจในเรื่องความสะอาดอย่างยิ่ง ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภครูปแบบนี้จะยังคงมีอยู่ต่อไปแม้สถานการณ์โควิด-19 จะจบลง
สำหรับมูลค่าตลาดรวมของร้านสะดวกซักปี 2565 นี้คาดว่าจะมีประมาณ 10,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาท และคาดว่า 6-7 ปีข้างหน้าไทยจะมีร้านสะดวกซักรวมกว่า 9,000 สาขา ภาพรวมของธุรกิจร้านสะดวกซักยังมีโอกาสเติบโตได้อีกยาว และตอนนี้ถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเติบโต
“อัลไลแอนซ์ ลอนดรี้ เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องซักผ้าอบผ้าอุตสาหกรรมที่อยู่ในธุรกิจนี้มาถึง 114 ปีแล้ว เข้ามาในไทยเมื่อปี 2560 ตอนนั้นมีร้านที่ซื้อสินค้าของเรา 6 ชอปเท่านั้น เพียง 4 ปีเราได้รับการตอบรับที่ดี โดยปี 2564 มีร้านสะดวกซักที่ใช้สินค้าของเราถึง 1,565 ชอป และคาดว่าปี 2565 จะเพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1,000 ชอป”
ปี 2565 นี้บริษัทฯ พร้อมขยายธุรกิจสู่ประเทศต่างๆ ในอินโดไชน่า ซึ่งมีจำนวนประชากรรวมกว่า 250 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ได้เข้าไปจำหน่ายสินค้าให้กับกลุ่มโรงพยาบาล, โรงแรม และโรงงานซักผ้ามาแล้ว แต่ครั้งนี้จะเจาะไปที่ธุรกิจร้านสะดวกซักโดยเฉพาะ ตั้งเป้าเริ่มต้นด้วยประเทศเวียดนาม ก่อนที่จะขยายไปสู่ลาว, กัมพูชา และเมียนมาต่อไป
ขณะเดียวกัน เดือนนี้บริษัทฯ ออกเครื่องอบผ้ารุ่น Tempest ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเป็นระบบรวมอินเวอร์เตอร์ (Inverter) และอีกรุ่นอยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบสินค้ารุ่นใหม่ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมขยาย Service Center ไปตามภูมิภาคต่างๆ ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นายสุกรีกล่าวว่า ร้านสะดวกซักจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิตของผู้คนในปัจจุบันและอนาคต เพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่มีเวลาจำกัดมากขึ้น และจะค่อยๆ ปรับรูปแบบไปจากที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น Contactless Payment หรือการชำระเงินแบบไร้สัมผัสรูปแบบต่างๆ ทั้งการจ่ายเงินผ่านบัตรเครดิต การเติมเงินผ่าน Speed Queen Central Payment และ Mobile Banking เป็นต้น ขณะที่ในร้านก็อาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกระหว่างการใช้บริการ เช่น ทีวี, Wi-Fi และปลั๊กไฟให้ลูกค้าได้เชื่อมต่ออุปกรณ์เพื่อความบันเทิง รวมถึงอาจมีพื้นที่เด็กเล่นรองรับกลุ่มครอบครัว ขณะเดียวกัน ร้านสะดวกซักอาจขยายบริการอื่นเพิ่มเติม อย่างการซักอบเสื้อผ้าแบบครบวงจรผ่านระบบออนไลน์” นายสุกรีกล่าว
