นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นางกาญจนี รุจนเสรี นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ร่วมชมการแสดงและจัดนิทรรศการ "ร้อยหลาก พรรณราย ผ้าไทยนครพนม" เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ Nakhon Phanom Winter Festival ตอน สายลมแห่งความทรงจำ เพื่อนำเสนอผ้าไทยผ้าพื้นเมือง ผ้าอัตลักษณ์พื้นถิ่นและผ้าเอกลักษณ์ของจังหวัดนครพนม ให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และผลสำเร็จของการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาผ้าไทย ผ้าพื้นเมืองของจังหวัดนครพนม โดยบูรณาการความร่วมมือกับภาคีการพัฒนา มหาวิทยาลัยนครพนม ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP และเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยมีพัฒนาการจังหวัดนครพนม ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครพนม นายอำเภอนาทม หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม จ่าจังหวัดนครพนม ผู้อำนวยการกลุ่มงาน สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม พัฒนาการอำเภอนาแก และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนจังหวัดนครพนม ผู้สื่อข่าว และภาคเอกชน ร่วมงานฯ ดังกล่าว ซึ่งมีกิจกรรมฯ ดังนี้
1. การแสดงวัฒนธรรมพื้นถิ่นของอำเภอ เช่น 1) “เต้นบาสโลบ” จากอำเภอนาทม 2) “กลองตุ้มหนองสังข์” จากอำเภอนาแก
2. การเดินแบบแฟชั่นโชว์สบายๆ สไตล์ "ผ้าไทย ใส่ให้สนุก"
3. การตอบปัญหารับรางวัล
4. การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า “ของดีนครพนม” ณ บ้านชนเผ่า สวรรค์ชายโขง
การเดินแบบแฟชั่นโชว์ "ผ้าไทย ใส่ให้สนุก" ในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายแบบ-นางแบบกิตติมศักดิ์จากส่วนราชการหน่วยงานจังหวัดนครพนม ได้แก่ นายสุรพล แก้วอินธิ พัฒนาการจังหวัดนครพนม นางรัชนก เหมพลชม รองประธานหอการค้าจังหวัดนครพนม นางสาวงามตา ยืนยง พัฒนาการอำเภอนาแก และนายสุรชัย ท้าวกลาง ปลัดอาวุโสอำเภอนาแก และการเดินแบบแฟชั่นโชว์จาก “คนรุ่นใหม่หัวใจคือชุมชน” ผลงานการออกแบบ การตัดเย็บผ้าพื้นเมือง เช่น ผ้ามุก ผ้าลายขอพระราชทาน ผ้าย้อมไม้มงคล มาใส่เดินแบบในงานฯ ดังกล่าว
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พร้อมคณะได้เยี่ยมชม ชิม ชอป แชร์ การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP “ผลิตภัณฑ์สินค้าชุมชน” จากกลุ่มผู้ประกอบการ OTOP และสินค้าจากสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี กลุ่มอาชีพที่กู้ยืมเงินทุนหมุนเวียนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีไปประกอบอาชีพแล้วมีผลผลิตเกิดขึ้นทั้ง 12 อำเภอ จำนวน 23 บูท/กลุ่ม ประกอบด้วย ประเภทอาหาร เครื่องดื่ม ผ้าและเครื่องแต่งกาย ของใช้/ของที่ระลึก และสมุนไพรที่ไม่ใช่อาหาร เช่น เสื้อผ้าพื้นเมือง เครื่องจักสาน ปลาส้ม ปลาแห้งแจ่ว แตงโม พืชผักสวนครัว ฯลฯ ยอดจำหน่ายสินค้าในวันที่ 29 ธันวาคม 2564 จำนวน 30,590 บาท ยอดรวมสะสม 6 วัน รวมยอดจำหน่ายทั้งสิ้น 103,620 บาท