“บีซีพีจี” เผย IEAD แต่งตั้ง “เอดีบี” เป็นผู้แทนจัดหาเงินทุน 2.2 หมื่นล้านบาทให้โครงการโรงไฟฟ้าพลังลม “มอนสูน” ขนาด 600 เมกะวัตต์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 35 ล้านตัน
นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยว่า บริษัท อิมแพค เอนเนอร์ยี่ เอเซีย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (Impact Energy Asia Development Limited) หรือ IEAD ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน ผู้ดำเนินโครงการ “มอนสูน” (Monsoon) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมแห่งแรกที่มีการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนระหว่าง สปป.ลาว กับเวียดนาม และมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ได้แต่งตั้งธนาคารพัฒนาเอเชีย หรือเอดีบี ให้เป็นผู้แทนในการจัดหาเงินกู้จำนวนรวมประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือเทียบเท่าประมาณ 22,000 ล้านบาท) ให้กับโครงการฯ ขณะที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาต่างๆ รวมทั้งธนาคารพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศหลายแห่งได้แสดงความสนใจร่วมปล่อยกู้ด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดให้มีโครงสร้างนวัตกรรมทางการเงินเพื่อจัดหาเงินทุนที่เป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ มากที่สุด
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมมอนสูนมีกำลังผลิตขนาด 600 เมกะวัตต์ ถือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยพลังงานสะอาดที่ผลิตได้ตลอดอายุของโครงการฯ คาดว่ามีปริมาณเทียบเท่ากับการลดก๊าซเรือนกระจกมากกว่า 35 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยผลักดันเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) สอดคล้องกับแนวทางการประชุม COP26 ที่ผ่านมา อีกทั้งยังเป็นโครงการที่สะท้อนถึงความสมบูรณ์ของแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติของ สปป.ลาวที่มีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะ พลังงานลม ที่เอื้อต่อการผลิตพลังงานสะอาดและมีความเสถียร ที่สามารถหล่อเลี้ยงการเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน ส่งเสริมให้ สปป.ลาวเป็นแบตเตอรี่ของเอเชียตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
โครงการ “มอนสูน” เป็นการร่วมทุนระหว่างบริษัท อิมแพค วินด์ อินเวสเม้นท์ จำกัด ถือหุ้น 55% และบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 45% ตั้งอยู่ที่แขวงเซกอง และแขวงอัตตะปือ ใน สปป.ลาว เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าผ่านสายส่งขนาด 500 กิโลโวลต์ ไปยังเมืองดานัง สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยขณะนี้โครงการฯ อยู่ระหว่างการพัฒนา และจัดหาเงินทุน คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2565 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2568 โดยขายไฟให้การไฟฟ้าแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (EVN)
ที่ผ่านมาเอดีบีได้ให้การสนับสนุนโครงการต่างๆ ของบีซีพีจีมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่นำร่องใช้นวัตกรรมกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Energy Storage System) แห่งแรกในประเทศไทย การแต่งตั้งเอดีบีให้เป็นผู้แทนในการจัดหาเงินทุน และร่วมสนับสนุนทางการเงินของโครงการมอนสูนในครั้งนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถจัดหาเงินทุนได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อโครงการฯ มากที่สุด
“นอกจากเอดีบีแล้ว ในเบื้องต้นธนาคารเพื่อการพัฒนาแบบพหุภาคี (Multilateral Development Banks) และธนาคารพาณิชย์ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ได้ตอบรับและแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมกับเอดีบีเพื่อปล่อยกู้ให้แก่โครงการฯ โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อเสนอจากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งคาดว่าจะสรุปและคัดเลือกสถาบันการเงินได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2565” นายบัณฑิตกล่าว